“โจ ไทยไฟต์” นพรัตน์ พุทธรัตนมณี รองประธานจัดการแข่งขันศึกมวยไทยไฟต์ ชี้แจงถึงกรณีที่ บัวขาว ป. ประมุข ออกมาแฉเรื่องที่ตนยังไม่ได้รถกระบะ ว่าเป็นข้อตกลงในสัญญา พร้อมเผยหาก "เจ้าดำ" เบี้ยวสัญญาไม่ขึ้นชกไทยไฟต์ปลายปีนี้ อาจจะมีการฟ้องร้องได้
ความคืบหน้ากรณีข้อพิพาทระหว่าง บัวขาว ป.ประมุข หรือ นายสมบัติ บัญชาเมฆ นักชกชื่อดัง ที่ออกมาแฉผู้จัดการแข่งขันศึกมวยไทยไฟต์ เรื่องรางวัลรถกระบะที่ตนควรได้รับ แต่สุดท้ายมีเพียงแค่กุญแจกระดาษ รวมถึงรถจักรยานยนต์ที่ได้รับมาแต่นำไปจดทะเบียนไม่ได้ จึงยืนยันว่าตนเองจะไม่ขึ้นป้องกันแชมป์ศึกมวยไทยไฟต์รอบชิงแชมป์ปลายปีนี้แน่นอน เนื่องจากโดนฝั่งผู้จัดกล่าวหาว่าชกมวยปาหี่ อีกทั้งไม่จริงใจในการแก้ปัญหาและไม่ยอมเปิดเผยสัญญาที่แท้จริง
ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2556 นายนพรัตน์ พุทธรัตนมณี รองประธานจัดการแข่งขันศึกมวยไทยไฟต์ ออกมาโต้ถึงเรื่องที่โดนกล่าวหาว่าไม่เป็นความจริง "เรื่องรางวัลนั้นมีระบุในสัญญาชัดเจนว่านักมวยจะสามารถเลือกได้ว่าจะรับเป็นเงินหรือเป็นรถ เนื่องจากหากนักชกต่างชาติได้รถไปก็ไม่สามารถเอากลับประเทศได้ ดังนั้นเราจึงมีทางเลือกให้ในสัญญา และบัวขาวเองที่เลือกเงิน ก็ได้รับเงินไป 2 ล้านบาทแล้ว ส่วนเรื่องรถจักรยานยนต์นั้นคนที่ได้ไปก็ต้องนำไปจดทะเบียนเอง"
พร้อมกันนี้ "โจ ไทยไฟต์" ยังกล่าวถึงเรื่องที่ "ดำดอทคอม" ยืนยันว่าจะไม่ขึ้นชกรายการไทยไฟต์ช่วงปลายปีนี้ว่าจะถือเป็นการผิดสัญญา "บัวขาวมีสัญญากับเรา 2 ปี และผมยืนยันคำเดิมว่าบัวขาวต้องขึ้นชกให้กับไทยไฟต์ปลายปีนี้ ซึ่งหากไม่ขึ้นเวทีก็เท่ากับว่าผิดสัญญา และถ้าเป็นเช่นนั้นอาจจะมีการฟ้องร้องกันเกิดขึ้นอีกครั้ง ส่วนเรื่องคดีที่ยังค้างคาของทั้งคู่ผมได้มอบให้ฝ่ายกฎหมายเป็นผู้ดูแลหมดแล้วไม่ขอยุ่ง"
ทั้งนี้ ทางผู้จัดฯไทยไฟต์ได้ฟ้อง บัวขาว ในคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 50 ล้านบาท กรณีที่เจ้าดำละเมิดสัญญาไปขึ้นชกรายการขะแมร์ไฟเตอร์ ที่ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2556 โดยไม่แจ้งกับทางไทยไฟต์ที่เป็นเจ้าของสิทธิ์ทราบล่วงหน้า ขณะที่ "ดำดอทคอม" ก็ยื่นฟ้องนายนพรัตน์ กลับเช่นกัน ในคดีแพ่งกรณีใช้คำพูดหมิ่นประมาทว่าตนเองชกมวยโชว์เหมือนเป็นการปาหี่ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง โดยเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท