คลังเผยควรลดดอกเบี้ยนโยบายแก้ปัญหาเงินบาทแข็งค่า

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงสถานการณ์เงินบาทแข็งค่า ว่าโดนส่วนตัวยังเห็นเงินบาทแข็งค่าจนเกินไป และควรลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทย ยอมรับว่าค่าเงินบาทแข็งค่าจนเกินไป ฉะนั้นต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าจะหาแนวทางในการแก้ไขอย่างไร ส่วนการออกมาตรการชะลอการไหลเข้าของเงินทุน หน่วยงานที่รับผิดชอบพิจารณาความเหมาะสมในการออกมาตรการต่างๆ นายกิตติรัตน์ ยังปาถกฐาพิเศษ เรื่องการพัฒนาบรรษัทภิบาลที่ดีของตลาดทุนไทย ว่าควรจะเพิ่มกรรมการอิสระให้มากขึ้น เพื่อความโปร่งใสในการบริหารงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และยกระดับบรรษัทภิบาลที่ดีของตลาดทุนไทย ให้ดีขึ้นไปอีก แม้ว่าขณะนี้จะเป็นที่ยอมรับของนักลงทุนต่างประเทศ ถึงความสะดวกในการมาลงทุนในไทยก็ตาม
ด้านนายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พยายามที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ที่จะเข้ามาลงทุนตลาดหุ้นไทย แต่การจะออกมาตรการใดๆ สกัดเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นในตลาดทุนนั้น จะต้องคิดให้รอบคอบ เพราะอาจส่งผลกระทบให้นักลงทุนไม่กลับเข้ามาลงทุนในไทยอีก ส่วนมาตรการดูแลค่าเงินบาท และมาตรการชะลอการไหลเข้าของเงินทุนนั้น มีหลายมาตรการที่สามารถนำออกมาใช้ได้ ไม่ใช่แค่มาตรการใดมาตรการหนึ่งเพียงอย่างเดียว
ขณะที่นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มองว่า เม็ดเงินที่เข้ามาเก็งกำไรในตลาดหุ้นช่วงนี้มีอยู่บ้าง แต่ตลาดหลักทรัพย์มีมาตรการดูแลการเข้ามาเก็งกำไรอยู่แล้ว เชื่อว่านักลงทุนกลุ่มที่ลงทุนในอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อเก็งกำไร จะไม่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย หากธานคารแห่งประเทศไทย ออกมาตรการสกัดการไหลเข้าของเงินทุนระยะสั้น เพราะนักลงทุนหวังผลจะเก็งกำไร รับความเสี่ยงความผันผวนของค่าเงิน ที่มีประมาณร้อยละ 2 แต่การลงทุนในตลาดหุ้นปัจจุบัน มีความผันผวนถึงร้อยละ 25 ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงมากกว่าลงทุนในตลาดตราสารหนี้ ที่มีความมั่นคงค่อนข้างสูง