xs
xsm
sm
md
lg

“จรัมพร” เผยมีเงินร้อนในตลาดฯ แต่อยู่ในหุ้นพื้นฐานดี “กิตติรัตน์” ยอมรับ “บาทแข็ง” เพราะเงินไหลเข้าบอนด์มากเกินไป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จรัมพร โชติกเสถียร
“จรัมพร” ชี้ตลาดหุ้นไทยขึ้นแชมป์การพัฒนาบรรษัทภิบาลของเอเชีย จะช่วยดึงดูดเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในเชิงคุณภาพมากขึ้น ยอมรับมีเม็ดเงินเข้ามาเก็งกำไรบ้าง แต่ลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี “กิตติรัตน์” แนะตลาดหุ้นไทยต้องเสริมความแข็งแกร่ง โดยเพิ่มกรรมการอิสระให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มความโปร่งใสในการบริหารงานของ บจ. พร้อมยอมรับปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งเกิดจากการไหลเข้าของลงทุนในตลาดตราสารหนี้มากเกินไป

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวในงาน “SEC for CEO Forum” ครั้งที่ 3 สัมมนาเรื่อง “ธนาคารโลกประกาศผลการประเมินบรรษัทภิบาลตลาดทุนไทย” โดยระบุว่า การจัดอันดับเรื่องการพัฒนาบรรษัทภิบาลที่ดีของตลาดทุนไทยปรับขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในเอเชียในปีนี้ของธนาคารโลก ทำให้เชื่อว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยในเชิงคุณภาพมากขึ้น เพราะนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายย่อยเห็นว่าการจะลงทุนในตลาดหุ้นยังเป็นการลงทุนที่ดี

ขณะเดียวกัน ยอมรับเรื่องของเม็ดเงินที่เข้ามาเก็งกำไรจากการลงทุนในตลาดหุ้นในช่วงนี้บ้าง แต่กลุ่มนักลงทุนดังกล่าวจะลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานที่ดี ซึ่งทาง ตลท.ได้มีมาตรการในการดูแลการเข้ามาเก็งกำไรในส่วนนี้อยู่แล้ว จึงเชื่อว่านักลงทุนกลุ่มที่ลงทุนในอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อเก็งกำไรนั้น จะไม่หันเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย

ทั้งนี้ หากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการสกัดการไหลเข้าของลงทุนระยะสั้น เพราะนักลงทุนในอัตราแลกเปลี่ยนส่วนใหญ่หวังผลกำไรจากความผันผวนของค่าเงินที่มีประมาณร้อยละ 2 แต่การลงทุนในตลาดหุ้นปัจจุบันมีความผันผวนถึงร้อยละ 25 ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงไม่เท่ากับลงทุนในตลาดตราสารหนี้ที่มีความมั่นคงค่อนข้างสูง

ทั้งนี้ องค์กร CLSA Asia -pacific markets ได้ปรับอันดับการกำกับดูแลตลาดทุนของไทยจากอันดับที่ 8 ในปี 2550 เป็นอันดับ 3 ในปีที่ผ่านมา ขณะที่การจัดอันดับของธนาคารโลกเกี่ยวกับการพัฒนาบรรษัทภิบาลที่ดีของตลาดทุนไทย ให้อันดับไทยปีนี้เป็นอันดับที่ 1 ของเอเชีย โดยตลาดหุ้นไทยได้คะแนน 82.83 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน โดยได้คะแนนสูงสุดในหมวดการเปิดเผยข้อมูล และความโปร่งใส จากการประเมินครั้งก่อนในปี 2548 ที่มีคะแนนอยู่ที่ 67.66 คะแนน

ด้าน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปาฐากถาพิเศษเรื่อง “การพัฒนาบรรษัทภิบาลที่ดีของตลาดทุนไทย” โดยระบุว่า ปัจจุบันตลาดทุนไทยมีการพัฒนามาพอสมควร ซึ่งดีขึ้นจากปี 2540 ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจมา อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การพัฒนาตลาดทุนไทยมีความแข็งแกร่งมาก ควรจะมีการเพิ่มกรรมการอิสระให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มความโปร่งใสในการบริหารงานของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ฯ

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนายกระดับบรรษัทภิบาลที่ดีของตลาดทุนไทยให้ดีขึ้นไปอีก แม้ว่าขณะนี้จะเป็นที่ยอมรับของนักลงทุนต่างประเทศถึงความสะดวกในการมาลงทุนในไทยก็ตาม

ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นนั้น นายกิตติรัตน์ ระบุว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจได้มีการหารือในเรื่องนี้ตามปกติ ซึ่งส่วนตัวได้แสดงความคิดเห็นในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังว่า เงินบาทแข็งค่าเกินไป และควรลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ยอมรับว่าค่าเงินบาทแข็งค่าเกินไป

ดังนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะหาแนวทางการแก้ไขอย่างไร พร้อมกันนี้ ยังยอมรับปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งเกิดจากกการไหลเข้าของลงทุนในตลาดตราสารหนี้มากเกินไป แต่ควรจะมีมาตรการออกมาเพื่อชะลอการไหลเข้าของเงินลงทุนในส่วนนี้หรือไม่นั้น ไม่ใช่หน้าที่ของกระทรวงการคลัง เพราะกระทรวงการคลัง มีหน้าที่เพียงดูแลนโยบายเท่านั้น แต่ส่วนอื่นต้องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบพิจารณาความเหมาะสมในการออกมาตรการต่างๆ เอง
กำลังโหลดความคิดเห็น