ก.ล.ต.ติงใช้มาตรการสกัดทุนไหลเข้าอาจกระทบนักลงทุน ด้านตลาดหลักทรัพย์์ฯรับมีเม็ดเงินไหลเข้าเก็งกำไรหุ้นบ้าง ล่าสุดหุ้นไทยปิดบวก 20.40 จุด แรงซื้อกลุ่มพลังงานหนุน อีกทั้งนักลงทุนคลายกังวลภาครัฐไม่ใช้ยาแแรงคุมบาท ด้านทองคำรีบาวด์ไม่หยุด บวกขึ้น450 บาท จ่อกลับขึ้นไปยืนเหนือ2หมื่นบาท จากแรงซื้อฟื้นคืนหลังราคาปรับลงมาก อีกทั้งกูรูต่างชาติเริ่มกลับมาเชียร์แนะนำซื้อ
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา ทาง ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พยายามสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมาโดยตลาด ดังนั้นการจะมีการออกมาตรการใดๆ ในการสกัดเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นในตลาดทุนนั้น จะต้องคิดให้รอบคอบอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้มีผลรุนแรงจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อนักลงทุน ไม่กลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอีกพร้อมกันนี้ ยังมองว่า มาตรการในการดูแลค่าเงินบาท และมาตรการในการชะลอการไหลเข้าของเงินทุนนั้น มีหลายมาตรการที่สามารถนำออกมาใช้ได้ ไม่ใช่แค่มาตรการใดมาตรการหนึ่งเพียงอย่างเดียว ซึ่งการสกัดเงินทุนไหลเข้านั้น มองว่า อาจเป็นความคิดที่ผิดธรรมชาติของการเคลื่อนย้ายเงินทุน และการลงทุนในภาพรวมได้
***ตลท.รับมีเม็ดเงินไหลเก็งงกำไรหุุ้น
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวยอมรับว่า มีเม็ดเงินที่เข้ามาเก็งกำไรจากการลงทุนในตลาดหุ้นในช่วงนี้บ้าง แต่กลุ่มนักลงทุนดังกล่าวจะลงทุนในหุ้นที่ไม่มีพื้นฐานที่ดี ซึ่งทาง ตลท.ได้มีมาตรการในการดูแลการเข้ามาเก็งกำไรในส่วนนี้อยู่แล้ว จึงเชื่อว่านักลงทุนกลุ่มที่ลงทุนในอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อเก็งกำไรนั้น จะไม่หันเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย
ทั้งนี้ หากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการสกัดการไหลเข้าของลงทุนระยะสั้น เพราะนักลงทุนในอัตราแลกเปลี่ยนส่วนใหญ่หวังผลกำไรจากความผันผวนของค่าเงินที่มีประมาณร้อยละ 2 แต่การลงทุนในตลาดหุ้นปัจจุบันมีความผันผวนถึงร้อยละ 25 ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงไม่เท่ากับลงทุนในตลาดตราสารหนี้ที่มีความมั่นคงค่อนข้างสูง
ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้(25 เม.ย) ปิดที่ระดับ 1,574.25 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 20.40 จุด หรือ 1.31% มูลค่าการซื้อขาย 63,009.56 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,574.67 จุด และลดลงต่ำสุดที่ 1,555.18 จุด ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นจากแรงซื้อในกลุ่มพลังงานหลลังราคาน้ำมันนดิบปรับตัวสูงขึ้น อีกทั้งคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรปจะมีการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับความเชื่อมั่นว่าธนาคารแห่งประเทศไทย จะไม่ใช้มาตรการรุนแรงกับค่าเงินบาท
โดยหลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลง เพิ่มขึ้น 451 หลักทรัพย์ ลดลง 186 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 128 หลักทรัพย์ และหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ CPALL ปิดที่ 41.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 5.13% มูลค่าการซื้อขาย 13,757,641 ล้านบาท MAKRO ปิดที่ 750 บาท ลดลง 4.00 หรือ 0.53% มูลค่าการซื้อขาย 2,228,460 ล้านบาท INTUCH ปิดที่ 84.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ 2.73% มูลค่าการซื้อขาย 1,537,318 ล้านบาท BBL ปิดที่ 223.00 บาท ลดลง 1.10 บาท หรือ 0.45% มูลค่าการซื้อขาย 1,499,267 ล้านบาท ADVANCE ปิดที่ 270.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท หรือ 3.05% มูลค่าการซื้อขาย 1,472,705 ล้านบาท
ส่วนการซื้อขายสุทธิแยกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 5,816.84 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 1,048.23 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 6,586.59 ล้านบาท และสถาบันในประเทศขายสุทธิ 278.48 ล้านบาท
นายวิกิจ ถิรวรรณรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.บัวหลวง ให้มุมมองว่าแนวโน้มดัชนียังคงซื้อขายอยู่เหนือแนวรับที่ 1,580 จุด และแนวต้านที่ 1,585 จุด ผลสืบเนื่องจากปัจจัยบวกที่ทำให้หุ้นปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาจาก หุ้นที่มีปัจจัยบวกพื้นฐานดี และการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ไตรมาส1 ออกมาดี ตามที่มอร์แกน สแตนเลย์ ได้คาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้ และปัจจัยงบประมาณการเงินที่ใช้อัดฉีดเข้าในระบบของธนาคารพัฒนาเอเซีย
สำหรับแนวโน้มการลงทุนวันนี้ (26เม.ย.) คาดว่า ยังต้องจับตาผลการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมา 0.25% จากระดับปัจจุบัน 2.75% เหลือ 2.5% และกรณีการฟ้องร้อง TOR การบริหารจัดการน้ำ ที่ยังเป็นปัญหาจะทำให้หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างชะลอตัวและอาจสะดุดลงไป แต่โดยภาพรวมยังไม่กระทบตลาดหุ้นมากนักเนื่องจากยังมีแรงซื้อบวกจากหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีจากหุ้นในกลุ่มอสังหาฯ กลุ่มธนาคาร และกลุ่มพลังงาน
***ทองบวกอีก450จ่อขึ้น2หมื่นบาท
ราคาทองคำในประเทศวันนี้ ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยสมาคมค้าทองคำ ปรับราคาซื้อขายระหว่างวัน 6 ครั้ง มาอยู่ที่ ทองคำแท่ง รับซื้อ 19850 บาท ขาย 19,950 บาท ขณะที่ทองคำรูปพรรณ รับซื้อ 19,556 บาท ขายออก 20,350 บาท เพิ่มขึ้น 450 บาท
นายพิชญา พิสุทธิกุล เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ กล่าวถึงการปปรับตัววขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาทองคำว่า เกิดจากนักลงทุนต่างประเทศเข้าเก็บทองคำ หลังราคาอยู่ในระดับต่ำ และเริ่มปรับตัวขึ้น ขณะเดียวกัน ความต้องการทองคำของจีน และเวียดนามยังมีอยู่สูง นอกจากนี้อีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำคือ การอ่อนค่าลงของค่าเงินบาทจาก 28.80 บาทเมื่อวันก่อน มาอยู่ที่29.16 บาท ทำให้มีความเป็้นไปได้ที่อาจจะเห็นราคากลับมาที่ 20,000 บาทอีกครั้ง
นายสัญญา หาญพัฒนกิจพาณิช ผู้อำนวยการทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด กล่าว่า ตอนนี้กลายเป็นจังหวะในการเข้าเก็บทองคำของนักลงทุนต่างประเทศ จากราคาที่ลดลงไปมาก ทำให้้มีแรงซื้อเข้ามา อีกทั้งธนาคารกลางในหลายประเทศก็ทยอยเข้าเก็บทองงคำเพิ่มขึ้นในทุนสำรอง หลังสถาาบันการเงินหลายแห่งออกมาปรับแนวโน้มราคาทองงคำว่า น่าเข้าลงทุน นอกจากนี้การอ่อนค่าของเงินบาททที่ปรับตัวแรงก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมมีความเป็นไปได้สูงที่ราคาจะกลับขึ้นมายืนเหนือ 20,000 บาทได้ แต่ในทางเทคนิค ทองงคำยังอยู่ในแนวโน้มขาล
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา ทาง ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พยายามสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมาโดยตลาด ดังนั้นการจะมีการออกมาตรการใดๆ ในการสกัดเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นในตลาดทุนนั้น จะต้องคิดให้รอบคอบอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้มีผลรุนแรงจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อนักลงทุน ไม่กลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอีกพร้อมกันนี้ ยังมองว่า มาตรการในการดูแลค่าเงินบาท และมาตรการในการชะลอการไหลเข้าของเงินทุนนั้น มีหลายมาตรการที่สามารถนำออกมาใช้ได้ ไม่ใช่แค่มาตรการใดมาตรการหนึ่งเพียงอย่างเดียว ซึ่งการสกัดเงินทุนไหลเข้านั้น มองว่า อาจเป็นความคิดที่ผิดธรรมชาติของการเคลื่อนย้ายเงินทุน และการลงทุนในภาพรวมได้
***ตลท.รับมีเม็ดเงินไหลเก็งงกำไรหุุ้น
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวยอมรับว่า มีเม็ดเงินที่เข้ามาเก็งกำไรจากการลงทุนในตลาดหุ้นในช่วงนี้บ้าง แต่กลุ่มนักลงทุนดังกล่าวจะลงทุนในหุ้นที่ไม่มีพื้นฐานที่ดี ซึ่งทาง ตลท.ได้มีมาตรการในการดูแลการเข้ามาเก็งกำไรในส่วนนี้อยู่แล้ว จึงเชื่อว่านักลงทุนกลุ่มที่ลงทุนในอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อเก็งกำไรนั้น จะไม่หันเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย
ทั้งนี้ หากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการสกัดการไหลเข้าของลงทุนระยะสั้น เพราะนักลงทุนในอัตราแลกเปลี่ยนส่วนใหญ่หวังผลกำไรจากความผันผวนของค่าเงินที่มีประมาณร้อยละ 2 แต่การลงทุนในตลาดหุ้นปัจจุบันมีความผันผวนถึงร้อยละ 25 ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงไม่เท่ากับลงทุนในตลาดตราสารหนี้ที่มีความมั่นคงค่อนข้างสูง
ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้(25 เม.ย) ปิดที่ระดับ 1,574.25 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 20.40 จุด หรือ 1.31% มูลค่าการซื้อขาย 63,009.56 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,574.67 จุด และลดลงต่ำสุดที่ 1,555.18 จุด ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นจากแรงซื้อในกลุ่มพลังงานหลลังราคาน้ำมันนดิบปรับตัวสูงขึ้น อีกทั้งคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรปจะมีการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับความเชื่อมั่นว่าธนาคารแห่งประเทศไทย จะไม่ใช้มาตรการรุนแรงกับค่าเงินบาท
โดยหลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลง เพิ่มขึ้น 451 หลักทรัพย์ ลดลง 186 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 128 หลักทรัพย์ และหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ CPALL ปิดที่ 41.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 5.13% มูลค่าการซื้อขาย 13,757,641 ล้านบาท MAKRO ปิดที่ 750 บาท ลดลง 4.00 หรือ 0.53% มูลค่าการซื้อขาย 2,228,460 ล้านบาท INTUCH ปิดที่ 84.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ 2.73% มูลค่าการซื้อขาย 1,537,318 ล้านบาท BBL ปิดที่ 223.00 บาท ลดลง 1.10 บาท หรือ 0.45% มูลค่าการซื้อขาย 1,499,267 ล้านบาท ADVANCE ปิดที่ 270.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท หรือ 3.05% มูลค่าการซื้อขาย 1,472,705 ล้านบาท
ส่วนการซื้อขายสุทธิแยกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 5,816.84 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 1,048.23 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 6,586.59 ล้านบาท และสถาบันในประเทศขายสุทธิ 278.48 ล้านบาท
นายวิกิจ ถิรวรรณรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.บัวหลวง ให้มุมมองว่าแนวโน้มดัชนียังคงซื้อขายอยู่เหนือแนวรับที่ 1,580 จุด และแนวต้านที่ 1,585 จุด ผลสืบเนื่องจากปัจจัยบวกที่ทำให้หุ้นปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาจาก หุ้นที่มีปัจจัยบวกพื้นฐานดี และการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ไตรมาส1 ออกมาดี ตามที่มอร์แกน สแตนเลย์ ได้คาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้ และปัจจัยงบประมาณการเงินที่ใช้อัดฉีดเข้าในระบบของธนาคารพัฒนาเอเซีย
สำหรับแนวโน้มการลงทุนวันนี้ (26เม.ย.) คาดว่า ยังต้องจับตาผลการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมา 0.25% จากระดับปัจจุบัน 2.75% เหลือ 2.5% และกรณีการฟ้องร้อง TOR การบริหารจัดการน้ำ ที่ยังเป็นปัญหาจะทำให้หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างชะลอตัวและอาจสะดุดลงไป แต่โดยภาพรวมยังไม่กระทบตลาดหุ้นมากนักเนื่องจากยังมีแรงซื้อบวกจากหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีจากหุ้นในกลุ่มอสังหาฯ กลุ่มธนาคาร และกลุ่มพลังงาน
***ทองบวกอีก450จ่อขึ้น2หมื่นบาท
ราคาทองคำในประเทศวันนี้ ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยสมาคมค้าทองคำ ปรับราคาซื้อขายระหว่างวัน 6 ครั้ง มาอยู่ที่ ทองคำแท่ง รับซื้อ 19850 บาท ขาย 19,950 บาท ขณะที่ทองคำรูปพรรณ รับซื้อ 19,556 บาท ขายออก 20,350 บาท เพิ่มขึ้น 450 บาท
นายพิชญา พิสุทธิกุล เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ กล่าวถึงการปปรับตัววขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาทองคำว่า เกิดจากนักลงทุนต่างประเทศเข้าเก็บทองคำ หลังราคาอยู่ในระดับต่ำ และเริ่มปรับตัวขึ้น ขณะเดียวกัน ความต้องการทองคำของจีน และเวียดนามยังมีอยู่สูง นอกจากนี้อีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำคือ การอ่อนค่าลงของค่าเงินบาทจาก 28.80 บาทเมื่อวันก่อน มาอยู่ที่29.16 บาท ทำให้มีความเป็้นไปได้ที่อาจจะเห็นราคากลับมาที่ 20,000 บาทอีกครั้ง
นายสัญญา หาญพัฒนกิจพาณิช ผู้อำนวยการทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด กล่าว่า ตอนนี้กลายเป็นจังหวะในการเข้าเก็บทองคำของนักลงทุนต่างประเทศ จากราคาที่ลดลงไปมาก ทำให้้มีแรงซื้อเข้ามา อีกทั้งธนาคารกลางในหลายประเทศก็ทยอยเข้าเก็บทองงคำเพิ่มขึ้นในทุนสำรอง หลังสถาาบันการเงินหลายแห่งออกมาปรับแนวโน้มราคาทองงคำว่า น่าเข้าลงทุน นอกจากนี้การอ่อนค่าของเงินบาททที่ปรับตัวแรงก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมมีความเป็นไปได้สูงที่ราคาจะกลับขึ้นมายืนเหนือ 20,000 บาทได้ แต่ในทางเทคนิค ทองงคำยังอยู่ในแนวโน้มขาล