ASTV ผู้จัดการรายวัน - ตลาดหลักทรัพย์เตรียมทบทวนเป้าวอลุ่มเทรดปี 56 หลังไตรมาส1 ทะยานสูงถึงวันละ 6.2 หมื่นล้าน พร้อมคาดยอด IPO-PO ทะลุเป้า “จรัมพร”เตือนนักลงทุนอย่าตระหนกกับตลาดที่ผันผวนร่วงหนักช่วงนี้ ลั่นพื้นฐานยังไม่เปลี่ยน แถมมีค่า P/E ต่ำสุดในภูมิภาค ล่าสุดหุ้นไทยยังปรับฐาน วันนี้ลดลงอีก 18 จุด โบรกฯคาดแรงเทขายกำไรยังไม่หมด เหตุตลาด outperform มานาน
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท.กำลังพิจารณาที่จะทบทวนเป้าหมายมูลค่าการซื้อขาย (วอลุ่ม) ตลาดรวมในปี 2556 หลังจากไตรมาส 1/2556 วอลุ่มซื้อขายสูงถึงวันละ 6.2 หมื่นล้านบาท รวมทั้งปรับเพิ่มเป้าจำนวนบริษัทจดทะเบียนใหม่ (IPO) และการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนเดิมผ่านตลาดทุน (PO) ที่มีแนวโน้มจะทะเลุเป้าหมาย หลังมีกองทุนโครงสร้างพื้นฐานของ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTSGIF) เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
พร้อมกันนั้น กรรมการผู้จัดการ ตลท.ยังกล่าวเตือนนักลงทุนว่าอย่าตื่นตระหนกกับภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ดัชนีปรับตัวลดลงมากในระยะนี้ เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนแปลง ขณะที่ค่า P/E ของตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในระดับต่ำสุดในภูมิภาค โดยเมื่อวันที่ 5 เม.ย.อยู่ที่ 13.7 เท่า
“นักลงทุนควรมองหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี แม้ว่า P/E จะลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในภูมิภาค โดยเมื่อวันที่ 5 เม.ย.อยู่ที่ 13.7เท่า นักลงทุนไม่ควรตื่นตระหนก เพราะโดยรวมตลาดหุ้นไทยยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่น่าลงทุนอยู่ อาจพูดได้ว่าดีที่สุดในหลายๆ ภูมิภาค เนื่องจากมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาอยู่มาก ขณะนี้วอลุ่มเทรดประเทศไทยขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียนเหนือตลาดหุ้นสิงคโปร์ถึง 25%”
ทั้งนี้ โดยปกติที่นักลงทุนจะเทขายหุ้นออกมาในช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ทำให้มีวอลุ่มซื้อขายเบาบาง อาจมองแนวโน้มระยะสั้นๆ เพราะเพิ่งจะเข้าสู่ไตรมาสที่ 2 ได้เพียงไม่กี่วัน ซึ่งจากผลกระทบในระยะ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจากทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ ยังไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวลมากนัก
หุ้นไทยยังปรับฐาน ลดลง18จุด
ตลาดหุ้นไทย วานนี้ (9เม.ย.) ดัชนียังเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ โดยปิดที่ระดับ 1,470.72 จุด ลดลง 18.81 จุด หรือ -1.26% มูลค่าการซื้อขาย 38,016.43 ล้านบาท ระหว่างวันแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,495.24 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,470.22 จุด
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 150 หลักทรัพย์ ลดลง 507 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 98 หลักทรัพย์ ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,408.73 ล้านบาท ปิดที่ 197.00 บาท ลดลง 3.00 บาท KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,344.18 ล้านบาท ปิดที่ 24.10 บาท ลดลง 0.50 บาท ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,265.07 ล้านบาท ปิดที่ 228.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท SIRI มูลค่าการซื้อขาย 1,243.33 ล้านบาท ปิดที่ 3.78 บาท ลดลง 0.38 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,235.94 ล้านบาท ปิดที่ 311.00 บาท ลดลง 4.00 บาท
ขณะที่การซื้อขายหลักทรัพย์แยกตามประเภทนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,344 ล้านบาท เช่นเดียวกับ สถาบัน และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่ขายสุทธิ 103.66 ล้านบาท และ 616.60 ล้านบาท มีเพียงนักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 2,068.24 ล้านบาท
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะของการผันผวน และสร้างฐานในช่วงสั้น อีกทั้งยังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยลบต่าง ๆ และขาดปัจจัยบวกใหม่เข้ามาสนับสนุน จึงทำให้เกิดแรงขายทำกำไรออกมาก่อนหยุดทำการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เช่นเดียวกับนักลงทุนต่างชาติ
โดยความกังวลเรื่องสถานการ์เกาหลี ค่าเงินบาท และปัจจัยทางการเมือง เป็นเหตุอ้างให้เกิดแรงเทขาย แต่แท้จริงตลาดหุ้นไทย outperform กว่าตลาดทั่วโลกมาระยะหนึ่ง จึงเกิดแรงเทขายเพื่อทำกำไร ทำให้คาดว่าวันนี้(10เม.ย.) ยังเคลื่อนไหวในทิศทางเดิม และต้องรอให้มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาก่อนหยุดยาว แนวรับ 1,470 จุด แนวต้าน 1,495-1,500 จุด
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท.กำลังพิจารณาที่จะทบทวนเป้าหมายมูลค่าการซื้อขาย (วอลุ่ม) ตลาดรวมในปี 2556 หลังจากไตรมาส 1/2556 วอลุ่มซื้อขายสูงถึงวันละ 6.2 หมื่นล้านบาท รวมทั้งปรับเพิ่มเป้าจำนวนบริษัทจดทะเบียนใหม่ (IPO) และการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนเดิมผ่านตลาดทุน (PO) ที่มีแนวโน้มจะทะเลุเป้าหมาย หลังมีกองทุนโครงสร้างพื้นฐานของ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTSGIF) เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
พร้อมกันนั้น กรรมการผู้จัดการ ตลท.ยังกล่าวเตือนนักลงทุนว่าอย่าตื่นตระหนกกับภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ดัชนีปรับตัวลดลงมากในระยะนี้ เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนแปลง ขณะที่ค่า P/E ของตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในระดับต่ำสุดในภูมิภาค โดยเมื่อวันที่ 5 เม.ย.อยู่ที่ 13.7 เท่า
“นักลงทุนควรมองหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี แม้ว่า P/E จะลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในภูมิภาค โดยเมื่อวันที่ 5 เม.ย.อยู่ที่ 13.7เท่า นักลงทุนไม่ควรตื่นตระหนก เพราะโดยรวมตลาดหุ้นไทยยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่น่าลงทุนอยู่ อาจพูดได้ว่าดีที่สุดในหลายๆ ภูมิภาค เนื่องจากมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาอยู่มาก ขณะนี้วอลุ่มเทรดประเทศไทยขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียนเหนือตลาดหุ้นสิงคโปร์ถึง 25%”
ทั้งนี้ โดยปกติที่นักลงทุนจะเทขายหุ้นออกมาในช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ทำให้มีวอลุ่มซื้อขายเบาบาง อาจมองแนวโน้มระยะสั้นๆ เพราะเพิ่งจะเข้าสู่ไตรมาสที่ 2 ได้เพียงไม่กี่วัน ซึ่งจากผลกระทบในระยะ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจากทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ ยังไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวลมากนัก
หุ้นไทยยังปรับฐาน ลดลง18จุด
ตลาดหุ้นไทย วานนี้ (9เม.ย.) ดัชนียังเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ โดยปิดที่ระดับ 1,470.72 จุด ลดลง 18.81 จุด หรือ -1.26% มูลค่าการซื้อขาย 38,016.43 ล้านบาท ระหว่างวันแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,495.24 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,470.22 จุด
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 150 หลักทรัพย์ ลดลง 507 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 98 หลักทรัพย์ ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,408.73 ล้านบาท ปิดที่ 197.00 บาท ลดลง 3.00 บาท KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,344.18 ล้านบาท ปิดที่ 24.10 บาท ลดลง 0.50 บาท ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,265.07 ล้านบาท ปิดที่ 228.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท SIRI มูลค่าการซื้อขาย 1,243.33 ล้านบาท ปิดที่ 3.78 บาท ลดลง 0.38 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,235.94 ล้านบาท ปิดที่ 311.00 บาท ลดลง 4.00 บาท
ขณะที่การซื้อขายหลักทรัพย์แยกตามประเภทนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,344 ล้านบาท เช่นเดียวกับ สถาบัน และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่ขายสุทธิ 103.66 ล้านบาท และ 616.60 ล้านบาท มีเพียงนักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 2,068.24 ล้านบาท
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะของการผันผวน และสร้างฐานในช่วงสั้น อีกทั้งยังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยลบต่าง ๆ และขาดปัจจัยบวกใหม่เข้ามาสนับสนุน จึงทำให้เกิดแรงขายทำกำไรออกมาก่อนหยุดทำการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เช่นเดียวกับนักลงทุนต่างชาติ
โดยความกังวลเรื่องสถานการ์เกาหลี ค่าเงินบาท และปัจจัยทางการเมือง เป็นเหตุอ้างให้เกิดแรงเทขาย แต่แท้จริงตลาดหุ้นไทย outperform กว่าตลาดทั่วโลกมาระยะหนึ่ง จึงเกิดแรงเทขายเพื่อทำกำไร ทำให้คาดว่าวันนี้(10เม.ย.) ยังเคลื่อนไหวในทิศทางเดิม และต้องรอให้มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาก่อนหยุดยาว แนวรับ 1,470 จุด แนวต้าน 1,495-1,500 จุด