xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นปรับฐานร่วงอีก14จุด ตลท.ปรับเพิ่มวางหลักประกัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

    ASTV ผู้จัดการรายวัน - หุ้นไทยร่วงอีก 14 จุด  จากความกังวลค่าบาท แม้ภาครัฐยืนยันไม่มีมาตรการควบคุม โบรกฯมองเข้าสู่ช่วงปรับฐาน "จรัมพร" ระบุตลาดหุ้นร่วงแรงรอบนี้ จากความกังวลปัจจัยในประเทศ ยืนยันไม่ได้ทำให้เงินบาทแข็งค่า ล่าสุด บอร์ดตลาดหลักทรัพย์ฯ เห็นชอบปรับหลักเกณฑ์ในการวางหลักประกันในบัญชีเงินสดจาก15% เป็น20% เพื่อป้องกันความเสี่ยง และรองรับการขยายตัวของนักลงทุนและมูลค่าการซื้อขาย รวมถึงลดความผันผวนของตลาด เตรียมรับฟังความเห็นสมาชิก 26มี.ค.นี้
 ตลาดหุ้นไทย วานนี้ (21มี.ค.) เคลื่อนไหวในแดนลบต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า โดยเปิดตลาดรอบเช้าดัชนีปรับตัวบวกขึ้นเล็กน้อย ก่อนลดลงและแกว่งตัวอยู่ในแดนลบอย่างผันผวน โดยปิดที่ระดับ 1,529.52 จุด ลดลง 14.15 จุด หรือ -0.92% มูลค่าการซื้อขาย 61,851.40 ล้านบาท
 นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงที่ผ่านมาเสีย Sentiment ไปพอควร โดย 3 วันทำการดัชนีปรับตัวลงไปประมาณ 70 จุดนับจากที่ทำจุดสูงสุดที่ 1,601 จุด  โดยรวมมาจากปัจจัยการแข็งค่าของเงินบาท แม้ว่าภาครัฐฯจะออกมายืนยันไม่มีมาตรการพิเศษ นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความกังวลต่อการปรับเพิ่มมาตรการวางเงินประกัน
   อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวขึ้นมาก ช่วงนี้จัดได้ว่าเป็นการปรับฐานที่เป็นไรอย่างเร็วและรุนแรง อีกทั้งยังกังวลเกี่ยวกับปัญหาในยุโรปที่ยังไม่ชัดเจน ทำให้เกิดการขายทำกำไรออกมา ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(22 มี.ค.) ดัชนีคงจะแกว่งตัวไปก่อน เนื่องจากยังมีความเสี่ยง แนวรับ 1,520-1,500 จุด แนวต้าน 1,550 จุด โดยแนะนำว่าช่วงนี้ควรระมัดระวังการลงทุน

 ตลท.ยันตลาดหุ้นไม่ได้ทำบาทแข็ง
    นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงมากในช่วงนี้มาจากความกังวลปัจจัยในประเทศเป็นหลัก ซึ่งจากประเด็นเรื่องเงินบาทที่แข็งค่านั้น ไม่เชื่อว่าทางการจะมีมาตรการแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้น เพราะตลาดหุ้นไม่ได้ทำให้เงินบาทแข็งค่า และการที่ต่างชาติที่ขายหุ้นออกช่วงนี้น่าจะเป็นการขายทำกำไรตามปกติ หลังจากตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นมาต่อเนื่อง ดังนั้นเมื่อถึงจุดหนึ่งจึงมีการขายทำกำไร
ทั้งนี้ ตลท.ยังไม่จำเป็นต้องออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อดูแลหุ้นเก็งกำไร แม้การประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์วานนี้จะมีข้อเสนอให้ใช้มาตรการในการวางเงินประกัน 15-20% เพื่อป้องกันความเสี่ยงของนักลงทุน ซึ่งจะได้มีการนำเสนอต่อสมาคมโบรกเกอร์ต่อไป และขณะนี้ภาพรวมวงเงินสินเชื่อเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์(มาร์จิ้นโลน)อยู่ที่ประมาณ 50,000 ล้านบาทถือว่าไม่ได้สูงผิดปกติและยังควบคุมได้ แม้ 2 วันที่ผ่านมาดัชนีจะลดลงไปมาก แต่ความร้อนแรงในตลาดยังไม่ลดลง และยังพบการเก็งกำไรเพิ่มขึ้น โดยมีหุ้น turnover หลายรอบ ประกอบกับ ปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยยังไม่เปลี่ยน
 "ตลาดหลักทรัพย์มีความเป็นห่วงนักลงทุนรายย่อยที่เข้ามาช่วงนี้ เพราะบางรายเข้ามาเพื่อเก็งกำไร ปีที่ผ่านมาหุ้นเพิ่มขึ้นสูงมาก ทำให้นักลงทุนรายย่อยสนใจเข้ามาลงทุนเพื่อหากำไร แต่นักลงทุนที่เข้ามาต้องยอมรับความเสี่ยง ดูปัจจัยพื้นฐาน เพราะหากไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับจะกลายเป็นความเสี่ยง"
 อย่างไรก็ตาม ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีนักลงทุนรายใหม่เปิดบัญชีซื้อขายหุ้น 40,000 บัญชี จากเป้าหมายทั้งปีที่ 1000,000 บัญชี โดยนักลงทุนรายย่อยเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากไตรมาส 4/55 แต่นักลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงการลงทุนให้ได้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน

ปรับวงเงินวางหลักประกันเป็น20%
    ขณะเดียวกัน นายจรัมพร กล่าวว่า  ในการประชุมเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2556 มีมติอนุมัติการปรับปรุงเพิ่มเติมแผนงานสำคัญ 4 เรื่อง ประกอบด้วย การพัฒนาความรู้ความสามารถและทักษะผู้ประกอบวิชาชีพในอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ อาทิ ผู้แนะนำการลงทุน (Investment Consultant) นักวิเคราะห์ และบุคลากรที่ให้คำแนะนำด้าน wealth management โดยให้มีการจัดทำหลักสูตรและจัดอบรม เพื่อเพิ่มทักษะและความสามารถ ที่วัดผลสำเร็จได้อย่างเป็นรูปธรรมการเพิ่มแผนงานและจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมในการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมความรู้ และส่งเสริมวัฒนธรรมการออมระยะยาวในเชิงรุก โดยผ่านกองทุนรวมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ รวมทั้งการลงทุนในหุ้นโดยตรง ซึ่งจะช่วยขยายฐานผู้ลงทุนคุณภาพของตลาดทุนไทยในอนาคต
นอกจากนี้ จะมีการพัฒนาระบบส่งคำสั่งซื้อขายสำรอง Trading Backup Terminal เพื่อให้บริษัทสมาชิกสามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้เมื่อระบบหลักของสมาชิกมีปัญหา ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำธุรกรรมซื้อขายหลักทรัพย์แก่บริษัทสมาชิกและผู้ลงทุน และการปรับหลักเกณฑ์ในการวางหลักประกันในบัญชีเงินสด (cash account) จากปัจจุบันที่กำหนดไม่ต่ำกว่า 15% เป็นไม่ต่ำกว่า 20% เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อระบบชำระราคาการซื้อขายหลักทรัพย์สำหรับลูกค้า และรองรับการขยายตัวของนักลงทุนและมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น รวมถึงลดการเกิดความผันผวนของตลาดโดยรวมที่เพิ่มขึ้นด้วย นับเป็นมาตรการดูแลเสถียรภาพของตลาดหุ้นไทย อย่างไรก็ตามการปรับเพิ่มอัตราการวางหลักประกันดังกล่าวจะต้องผ่านขั้นตอนรับฟังความเห็นจากที่ประชุมสมาชิกก่อน
     ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดจัดประชุมวิสามัญของสมาชิก ในวันอังคารที่ 26 มีนาคม 2556 นี้ เพื่อรับฟังความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าวจากที่ประชุม ซึ่งหากที่ประชุมมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมก็จะเสนอต่อคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อพิจารณาต่อไป แต่หากที่ประชุมมีมติเห็นสอดคล้องตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อแก้ไขข้อบังคับโดยจะแจ้งให้สมาชิกทราบล่วงหน้าก่อนมีผลบังคับใช้
กำลังโหลดความคิดเห็น