หุ้นไทยครึ่งวันแรกร่วง 60 จุด ฉุดดัชนีหลุด 1,500 จุด นักลงทุนกังวลบาทแข็ง เพิ่มวงเงินมาร์จิ้น และโดนบังคับขาย กดภาพรวมผันผวนหนัก เอ็มดีตลาดหลักทรัพย์ฯ เตือนระมัดระวังให้นักลงทุนศึกษาหุ้นมีบวกได้ย่อมมีลบ หลังปรับตัวขึ้นมาแรง คาดเป็นช่วงพักฐานทำกำไร
การซื้อขายตลาดหุ้นไทยครึ่งวันแรก (22 มี.ค.) ดัชนีปรับลดลงอย่างหนัก ปิดที่ 1,468.94 จุด ลดลง 60.58 จุด มูลค่าการซื้อขาย 52,874.79 ล้านบาท เป็นผลให้ดัชนีหลุด 1,500 จุด ส่วนหนึ่งมาจากการเพิ่งวางเงินหลักประกันจาก15% เป็น 20% และการถูกบังคับขายในหุ้นบางตัว ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวล และขายหุ้นออกมา ขณะเดียวกัน จากปัจจัยลบในประเทศต่อ พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ก็มีผลกดดันต่อแรงเทขายที่เกิดขึ้นด้วย
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า การปรับลงของตลาดหุ้นไทยยังไม่น่าเป็นห่วง โดยมองว่าเป็นแรงขายทำกำไรของกลุ่มนักลงทุนที่มีกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้น และกำไรจากค่าเงิน เพราะตั้งแต่ต้นปีที่แล้วเป็นต้นมา หุ้นปรับตัวสูงขึ้นไปถึง 50% ตอนนี้เพิ่งลงไปแค่ 4% ขณะเดียวกัน การปรับตัวลดลงของตลาดในช่วงนี้จึงเป็นสิ่งที่สะท้อนให้นักลงทุนตระหนักว่า ตลาดหุ้นสามารถปรับลงได้ นักลงทุนต้องมองทั้ง 2 ด้าน และควรเรียนรู้การเข้ามาลงทุนในตลาด
สำหรับความกังวลจากการแข็งค่าของเงินบาท อาจส่งผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก จึงได้สั่งการให้ฝ่ายบริษัทจดทะเบียนไปสำรวจผลกระทบในระยะสั้นจากกรณีดังกล่าว และให้รายงานข้อมูลกลับมาในสัปดาห์หน้า แบ่งเป็นธุรกิจการเกษตร และอุตสาหกรรมอาหาร, กลุ่มแมนูแฟกเตอริง, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มคอนซูเมอร์ โปรดักต์
ด้าน น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับลงต่อเนื่องจากยังกังวลในหลายเรื่อง ทั้งปัญหาไซปรัส และภายในประเทศเรื่องเงินบาทแข็งค่าหนัก ซึ่งทุกคนกำลังติดตามว่าทางการไทยจะมีมาตรการออกมาดูแลปัญหานี้อย่างไร นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศยังต้องติดตามเป็นปัจจัยหลัก 3 เรื่องวันนี้
