ตลาดหุ้นไทยช่วงการซื้อขายรอบบ่ายวันนี้ (19 มี.ค.) ปรับตัวลดลงหนัก ณ เวลา 16.05 น. ดัชนีปรับตัวลดลง 23.58 จุด อยู่ที่ 1,568.07 จุด มูลค่าการซื้อขาย 63,736.35 ล้านบาท
ทั้งนี้ มีรายงานแจ้งว่า นอกเหนือจากประเด็นความกังวลปัญหาไซปรัส ประเทศสมาชิกยูโรโซน ซึ่งเตรียมเก็บภาษีเงินฝาก เพื่อแลกกับความช่วยเหลือจากกลุ่มสหภาพยุโรป แต่ประชาชนคัดค้าน และแห่ถอนเงินฝากนั้น ยังมีข่าวลือสะพัดในห้องค้าว่า นักลงทุนมีความกังวลต่อสถานการณ์การแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งอาจทำให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการเข้ามาป้องกัน แม้จะมีการปฏิเสธมาก่อนหน้านี้ จึงส่งผลให้เกิดแรงเทขายออกมามาก
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังมีความกังวลต่อ พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาล ที่อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ และไม่มีความโปร่งใสเท่าที่ควร นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวลือว่าในเรื่องตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง
นักวิเคราะห์ระบุว่า การที่ตลาดหุ้นเปิดภาคบ่ายปรับลงแรง เกิดจากส่วนหนึ่งมีการขายทำกำไร หลังจากดัชนีปรับขึ้นไปแตะที่ระดับ 1,600 จุดแล้ว แต่ไม่สามารถยืนอยู่ได้ จึงปรับลงจากแรงเทขาย ขณะที่บางส่วนมองว่า การที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นเร็วและแรง กำลังสร้างความเสี่ยง จึงขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยง เพราะกังวลว่าทางการอาจจะมีมาตรการอะไรออกมาหรือเปล่า และเกิดความไม่แน่ใจ
ส่วนกรณีปัญหาแผนเงินฝากไซปรัสเป็นเรื่องที่ต้องรอดูต่อไป ซึ่งยังเป็นความเสี่ยงอยู่ เพราะธนาคารยังหยุดทำการ และมีการประท้วงของประชาชน ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคส่วนใหญ่เป็นบวก จึงน่าจะเป็นขายทำกำไรกันเอง เพราะร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ก็ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 15.38 น. ดัชนีปรับลงไปอยู่ที่ระดับ 1,568.69 จุด ลดลง 22.96 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.44% มูลค่าการซื้อขาย 50,526.97 ล้านบาท
ต่อมา เมื่อเวลา 15.45 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,557.20 จุด ลดลง 34.45 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -2.16% มูลค่าการซื้อขาย 54,771.79 ล้านบาท
