“กิตติรัตน์” เผยได้พูดให้แก้บาทแข็งหลายครั้งแล้ว ยันคลังจะไม่ใช้ยาแรง “แคปปิตอล คอนโทรล” แก้ปัญหา เพราะกระทบต่อการลงทุน ยันที่ผ่านมาไม่ได้กดดันให้หน่วยงานใดใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยเพื่อเป็นแรงกดดันให้ค่าเงินบาทอ่อน หรือแข็งค่าเกินไป แต่ควรดูแลไม่ให้ดอกเบี้ยสูงผิดธรรมชาติ พร้อมระบุไทยจำเป็นต้องออก พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท แทนงบฯ ประจำปี ชี้การผ่านสภาแหล่งที่มาเงินทุนชัด
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในขณะนี้ โดยบอกว่า เรื่องนี้ตนได้เคยให้ความเห็นเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว และขณะนี้ภาคเอกชนก็ได้แสดงความเป็นห่วงว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการที่จะพิจารณา
ทั้งนี้ ตนเองขอยืนยันว่า กระทรวงการคลังจะยังไม่ใช้มาตรการเก็บภาษีรายได้จากการลงทุน (แคปปิตอล คอนโทรล) เพื่อแก้ปัญหา เพราะจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
นายกิตติรัตน์ กล่าวยืนยันอีกว่า ที่ผ่านมาตนเองไม่ได้กดดันให้หน่วยงานใดใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยเพื่อเป็นแรงกดดันให้ค่าเงินบาทอ่อน หรือแข็งค่าเกินไป แต่ควรดูแลไม่ให้ดอกเบี้ยสูงผิดธรรมชาติ
นายกิตติรัตน์ ยังระบุว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องมีการออกพระราชบัญญัติเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท แทนการใช้งบประมาณประจำปีในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมา การลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานโดยงบผูกพันในแต่ละปี ทำให้โครงการขาดความต่อเนื่อง และมีความล่าช้า เพราะบางปีงบประมาณถูกตัดทอนลงตามฐานะทางการคลัง
แต่การออกเป็นพระราชบัญญัติกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทนั้น ซึ่งได้ผ่านการพิจารณาของรัฐสภา ทำให้เกิดความชัดเจนของแหล่งที่มาของเงินทุน และเป้าหมายในการดำเนินการภายใต้ระยะเวลาที่รัฐบาลกำหนดไว้ 7 ปี ซึ่งจะทำให้การดำเนินการเป็นไปอย่างต่อเนื่อง