xs
xsm
sm
md
lg

หวั่นคุมบาท-แห่ขายหุ้นดัชนีรูด23จุดยืน1,601ไม่ไหว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน - หุ้นไทยขาอ่อน ยืนเหนือ 1,600 จุดไม่อยู่ เหตุผวา! แบงก์ชาติอาจออกมาตรการรับมือบาทแข็ง นักลงทุนกังวลแห่เทขายหุ้นกดรูดกว่า 30 จุด ก่อนมาปิดตลาด 1,568.25 จุด ลดลง 23.40 จุด ปรับฐานครั้งแรกตั้งแต่ พ.ย. คาดพรุ่งนี้รีบาวด์แต่ไม่แรง ด้าน“บรรยง” ระบุรายย่อยเทรดแรงเกินไป วันละ 7 -8 รอบ น่ากังวล เตือนดูข้อมูลย้อนหลังก่อนเข้าลงทุน ประเมินมีฟองสบู่แค่กลุ่มเล็ก แม้แตกไม่สร้างผลกระทบต่อภาพรวมมากนัก

ความเคลื่อนไหวหุ้นไทย วันนี้ (19มี.ค.) ในการซื้อขายรอบเช้า ดัชนีหลักทรัพย์สามารถทะยานขึ้นไปเหนือ 1,600 จุดได้ แต่ไม่สามารถยืนเหนือแนวต้นดังกล่าวได้สำเร็จ โดยปรับตัวลดลงมาต่อเนื่อง พอเข้าสู่การซื้อขายในช่วงบ่าย ดัชนีฯปรับตัวลดลงไปถุง 34.45 จุด ก่อนฟื้นกลับมาปิดที่ระดับ 1,568.25 จุด ลดลง 23.40 จุด หรือ 1.47%มูลค่าการซื้อขาย 76,075 ล้านบาท จากความกังวลของนักลงทุนต่อการแข็งค่าของค่าเงินบาท ที่อาจทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมาตรการออกมาควบคุมในเรื่องนี้ นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือถึงความกังวลต่อพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทของภาครัฐ ที่อาจขัดรัฐธรรมนูญ และการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งนยกรัฐมนตรี เข้ามาสร้างแรงเทขายหุ้นไทย

ขณะที่ปัจจัยลบในต่างประเทศ ยังมาจากประเด็นความกังวล ปัญหาไซปรัส ซึ่งเตรียมเก็บภาษีเงินฝาก เพื่อแลกกับความช่วยเหลือจากกลุ่มสหภาพยุโรป แต่ถูกประชาชนคัดค้าน และแห่ถอนเงินฝาก จนอาจลุกลามสร้างผลกระทบ เข้ามากดดันการลงทุนด้วย ส่งผลให้นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 969.71 ล้านบาท โดยระหว่างวันดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,601.34 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,554.27 จุด

นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นปรับลงแรงจากข่าวเรื่องความกังวลที่ธปท.ออกมาพูดเรื่องค่าเงินบาทแข็งค่า ทำให้นักลงทุนคาดว่า อาจมีมาตรการป้องกันค่าเงินบาทออกมา จึงเทขายทำกำไร ขณะเดียวกันการที่หุ้นไม่สามารถยืนเหนือ1,600 จุดได้สำเร็จ จึงเกิดการพักฐาน ซึ่งถือเป็นจุดดีเพราะตลาดหุ้นไทยไม่เคยปรับฐานเลยตั้งแต่พ.ย.มาถึงปัจจุบัน โดยพบว่ามีการเทขายขนาดหุ้นเล็กเป็นส่วนใหญ่ หลังปรับตัวขึ้นมาแรง ขณะที่หุ้นใหญ่มีการเทขายออกมาน้อย ทำให้ทิศทางลงทุนวันพรุ่งนี้ (20มี.ค.) หาก ภาครัฐ หรือ ธปท. ออกมาปฏิเสธข่าวการออกมาตรการ เชื่อว่าจะทำให้ดัชนีรีบาวด์กลับขึ้นมาได้ในระดับหนึ่ง แต่ปัจจัยลบจากต่างประเทศยังคงกดดันต่อ ทำให้ปรับขึ้นไปไม่มาก

 'บรรยง'เชื่อฟองสบู่หุ้นเล็ก ไม่ลุกลามทั้งตลาด

นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวถึงทิศทางตลาดหุ้นไทย ว่า ในปัจจุบันนักทุนทั่วไปมีการเทรดหุ้นประมาณ18%ของสภาพคล่อง(ฟรีโฟลต)ที่มีอยู่ทั้งตลาดประมาณ40% โดยมีการซื้อขายหุ้นหมุนเวียนกันถึง2.2รอบในแต่ละวัน ขณะที่นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนระยะยาว มีการซื้อขายในตลาดหุ้นต่อวันไม่ถึงรอบ นับเป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะปริมาณการลงทุนที่สูงขึ้นนี้ เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นที่พัฒนา พบว่ามีอยู่เพียง2ตลาด นั่นคือ ตลาดหุ้นไทย กับ ตลาดหุ้นไต้หวัน อีกทั้งส่วนมากยังเป็นการลงทุนในหุ้นขนาดเล็ก ที่มีการเคลื่อนไหวผิดปกติ

"นักลงทุนทั่วไปมีการเทรดแบบซื้อขาย7-8รอบต่อวันโดยเฉลี่ย มองว่าอันตราย ซึ่งในประวัติศาสตร์คนที่เทรดบ่อยระยะะยาวและสามารถทำกำไรได้มีเพียงบริษัทหลักทรัพย์(บล.) หรือที่เรียกกันว่า Prop Trade เท่านั้น หุ้นตัวเล็กบางตัวถือเป็นหุ้นที่เคลื่อนไหวผิดปกติ ไร้เหตุผลในการเข้าไปลงทุน บางตัวP/E สูงมาก 50 - 100 เท่า ของแบบนี้อยากให้นักลงทุนดูข้อมูลย้อนหลังประกอบด้วย”

ส่วนกรณีฟองสบู่ที่อาจเกิดขึ้นนั้น นายบรรยง กล่าวว่า ตอนนี้ทั้งตลาดหุ้นไทยยังไม่เกิดฟองสบู่แตก แต่เป็นฟองสบู่ที่เกิดขึ้นบางจุด ซึ่งเป็นกลุ่มหุ้นขนาดเล็ก โดยหุ้นในSet 50 ประมาณ 70% ของฟรีโฟลตถือครองโดยนักลงทุนต่างประเทศ และมีการซื้อขายจริงประมาณ 15% จึงไม่น่ากังวล แต่หุ้นขนาดเล็กแม้ฟองสบู่แตก ก็เชื่อว่าจะมีผลกระทบกับทั้งตลาดไม่มาก เพราะไม่ใช่กลุ่มหลัก โดยอาจกระทบกับราคาหุ้นขนาดใหญ่บางตัวบ้าง เพียงช่วงระยะเวลาหนึ่ง ขณะที่หุ้นใหญ่หากมีปัญหาฟองสบู่แตก เชื่อว่ามีผลกระทบกับภาพรวมมากกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น