“จรัมพร” ยอมรับ “หุ้นเก็งกำไร” ร่วงหนักวันนี้ เพราะค่าพีอีสูง ราคาสะท้อนพื้นฐานไปแล้ว ส่วนมาตรการคุมหุ้นปั่นโดยใช้ cash balance ออกมาน่าพอใจ ไม่จำเป็นต้องมีมาตรการพิเศษออกมาเพิ่ม
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) กล่าวถึงหุ้นเก็งกำไรที่ร่วงแรงในช่วงนี้ และส่วนหนึ่งก็เป็นหุ้นที่ติดเกณฑ์ต้องให้ลูกค้าวางเงินสดไว้ล่วงหน้าแก่สมาชิกเต็มจำนวนที่จะซื้อ (cash balance) มีราคาร่วงลงแรง โดยเฉพาะในช่วงบ่ายวันนี้นั้น มองว่าอาจเป็นเพราะหุ้นเหล่านี้ราคาปรับขึ้นมาจนค่าพีอีสูงมากแล้ว และราคาสะท้อนปัจจัยพื้นฐานไปแล้ว ราคาจึงปรับลง
โดยเมื่อสัปดาห์ก่อน ตนเองได้ให้เจ้าหน้าที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ สุ่มตรวจบริษัทสมาชิก หรือโบรกเกอร์ที่มีรายการซื้อขายหุ้นที่เข้าเกณฑ์ต้องให้ลูกค้าวางเงินสดไว้ล่วงหน้าแก่สมาชิกเต็มจำนวนที่จะซื้อ (Cash Balance)
“เราไม่ได้มีการขอข้อมูลไปที่โบรกเกอร์ แต่ได้บอกให้เจ้าหน้าที่มีการสุ่มตรวจการทำงานของโบรกเกอร์ เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบของการให้ cash balance เท่านั้น”
อย่างไรก็ตาม ตลท.ยังมองว่าไม่มีความจำเป็นต้องใช้มาตรการพิเศษเข้ามาดูแลปัญหาดังกล่าว เพราะมาตรการที่มีอยู่ยังมีความเหมาะสม
โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 18 ม.ค.2556 ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ประกาศรายชื่อหุ้นที่เข้าเกณฑ์ cash balance ซึ่งมีถึง 12 หลักทรัพย์ ระหว่างวันที่ 21 ม.ค.-วันที่ 8 ก.พ.2556 ทั้งนี้ หลักทรัพย์ที่เข้าเกณฑ์ ประกอบด้วย บริษัทบิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) บริษัทบางกอกแลนด์ (BLAND) ใบสำคัญแสดงสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญ บริษัทบางกอกแลนด์ ครั้งที่ 3 (BLAND3 ) บริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) บริษัทคันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ (CGD)
บริษัทจี เจ สตีล (GJS) บริษัทแผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (GOLD) บริษัทพีเออี (ประเทศไทย) หรือ PAE ใบสำคัญแสดงสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญ ของบริษัทโซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) ครั้งที่ 2 (SLC-W2) บริษัทไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม (TFD) บริษัทไทย-เยอรมัน โปรดักส์ (TGPR) และบริษัททีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น (TWZ)
ก่อนหน้านี้ มีหลักทรัพย์ที่เข้าเกณฑ์ cash balance อยู่แล้วหลายหลักทรัพย์ ส่งผลให้ในขณะนี้มีหลักทรัพย์ที่ติด cash balance ถึงราว 27 หลักทรัพย์
โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังไดัออกเอกสารเผยแพร่ โดยระบุว่า ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือน ม.ค.นี้ พบว่าการซื้อขายหุ้นหลายบริษัทมีความผันผวน และการเก็งกำไรที่สูงมาก ซึ่งอาจมีความเสี่ยง จึงเตือนให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวัง
พร้อมกับเผยด้วยว่า ในปี 55 มีหุ้นที่ต้องซื้อขายด้วยบัญชี Cash Balance รวม 48 หลักทรัพย์ คิดเป็นจำนวน 80 ครั้ง เพิ่มขึ้น 67% จากปี 54 แต่ในเพียงในช่วง 2 สัปดาห์ คือ ระหว่างวันที่ 2-17 ม.ค.56 มีหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายตามเกณฑ์ Cash Balance รวม14 หลักทรัพย์ คิดเป็นจำนวน 15 ครั้ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสภาพการซื้อขายเก็งกำไรสูงมาก
นายศักรินทร์ ร่วมรังษี ผู้ช่วยผู้จัดการ สายงานกฎหมาย ตลท. กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้รับคำสั่งจากกรรมการและผู้จัดการ ตลท. ให้ส่งอีเมลถึงโบรกเกอร์ทุกบริษัท ให้ระมัดระวังกรณีการซื้อขายหุ้นที่ร้อนแรง และหุ้นที่เข้าข่าย cash balance เนื่องจากกรรมการและผู้จัดการ ตลท. มีความเป็นห่วงเรื่องดังกล่าว