นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เปิดเผยว่า ภายใน 1 เดือนนี้คาดว่าจะได้ข้อสรุปการพิจารณาปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส หลังจากไม่ได้ปรับมากว่า 8 ปีแล้ว เนื่องจากมีต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาโดยตลอด สำหรับการปรับราคาขึ้นคงจะน้อยกว่ากรอบเพดานราคาสูงสุดที่บริษัทสามารถปรับขึ้นได้คือ 56 บาท แต่คงเป็นไปในระดับที่เหมาะสมที่สุดเพื่อไม่ให้ผู้โดยสารได้รับผลกระทบมาก ปัจจุบันราคาโดยสารเริ่มต้นที่ 15 บาท และราคาสูงสุดอยู่ที่ 40 บาท
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 19 เมษายน บริษัทได้นำกองทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางรางบีทีเอสโกรท (BTSGIF) ซึ่งเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานกองแรกของประเทศ มูลค่า 6.25 หมื่นล้านบาท เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันแรก ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนดี อาจเป็นเพราะผู้ลงทุนมีความเห็นว่ามีความมั่นคงและเหมาะสำหรับการลงทุนในระยะยาว และสามารถให้เงินปันผลกับผู้ถือหน่วยอย่างต่อเนื่องตามการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยปีละ 11%
ปัจจุบันจำนวนผู้โดยสารได้ทำสถิติสูงสุดอยู่ที่ 7.5 แสนคนต่อเที่ยวต่อวัน โดยอนาคตจำนวนผู้โดยสารยังโตต่อเนื่อง เห็นได้จากความต้องการใช้รถไฟฟ้าตามการขยายตัวของศูนย์การค้า คอนโดมิเนียม ตามแนวรถไฟฟ้า
นายคีรี กล่าวว่า หากบริษัทได้รับสัมปทานขยายเส้นทางรถไฟฟ้าใหม่ มีแนวโน้มว่าบริษัทจะขยายกองทุน BTSGIF ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.2 หมื่นล้านบาท รวมทั้งการกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์เพิ่ม เพราะการลงทุนรถไฟฟ้า 1 สายต้องใช้การลงทุนถึง 5-6 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทได้เงินจากกองทุน BTSGIF เข้าตลาดหลักทรัพย์ทำให้มีเงินสด 3 หมื่นล้านบาท เป็นการแสดงฐานะว่าบริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดี ไม่มีหนี้ และพร้อมที่จะร่วมประมูลขยายการลงทุนรถไฟฟ้าหากรัฐเปิดประมูล ขณะที่ปัจจุบัน|มีหลายธนาคารพาณิชย์พร้อมที่จะให้การสนับสนุนการกู้เงินได้สูงถึง 1 แสน|ล้านบาท
ล่าสุด งบการเงินงวด 2555/2556 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,979 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% จากงวดปี 2554/2555
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง ให้ความเห็นว่า การลงทุนกองทุน BTSGIF เสมือนเป็นการลงทุนในหุ้นกู้ และจะพิจารณาออกกองทุนโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 19 เมษายน บริษัทได้นำกองทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางรางบีทีเอสโกรท (BTSGIF) ซึ่งเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานกองแรกของประเทศ มูลค่า 6.25 หมื่นล้านบาท เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันแรก ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนดี อาจเป็นเพราะผู้ลงทุนมีความเห็นว่ามีความมั่นคงและเหมาะสำหรับการลงทุนในระยะยาว และสามารถให้เงินปันผลกับผู้ถือหน่วยอย่างต่อเนื่องตามการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยปีละ 11%
ปัจจุบันจำนวนผู้โดยสารได้ทำสถิติสูงสุดอยู่ที่ 7.5 แสนคนต่อเที่ยวต่อวัน โดยอนาคตจำนวนผู้โดยสารยังโตต่อเนื่อง เห็นได้จากความต้องการใช้รถไฟฟ้าตามการขยายตัวของศูนย์การค้า คอนโดมิเนียม ตามแนวรถไฟฟ้า
นายคีรี กล่าวว่า หากบริษัทได้รับสัมปทานขยายเส้นทางรถไฟฟ้าใหม่ มีแนวโน้มว่าบริษัทจะขยายกองทุน BTSGIF ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.2 หมื่นล้านบาท รวมทั้งการกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์เพิ่ม เพราะการลงทุนรถไฟฟ้า 1 สายต้องใช้การลงทุนถึง 5-6 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทได้เงินจากกองทุน BTSGIF เข้าตลาดหลักทรัพย์ทำให้มีเงินสด 3 หมื่นล้านบาท เป็นการแสดงฐานะว่าบริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดี ไม่มีหนี้ และพร้อมที่จะร่วมประมูลขยายการลงทุนรถไฟฟ้าหากรัฐเปิดประมูล ขณะที่ปัจจุบัน|มีหลายธนาคารพาณิชย์พร้อมที่จะให้การสนับสนุนการกู้เงินได้สูงถึง 1 แสน|ล้านบาท
ล่าสุด งบการเงินงวด 2555/2556 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,979 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% จากงวดปี 2554/2555
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง ให้ความเห็นว่า การลงทุนกองทุน BTSGIF เสมือนเป็นการลงทุนในหุ้นกู้ และจะพิจารณาออกกองทุนโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า
