BTS เคาะขายกองทุนโครงสร้างพื้นฐานแรกในไทย ลงทุนสัมปทานรายได้รถไฟฟ้า “BTS” 2 สายหลัก ชูจุดเด่นยกเว้นภาษีเงินปันผล 10 ปี แถมการเติบโตจากส่วนต่อขยายในอนาคต ระบุคนกรุงแห่ใช้รถไฟฟ้าเพิ่มเฉลี่ย 10.9% ต่อปี หนุนรายได้โตต่อเนื่อง เปิด IPO ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม - 4 เมษายนนี้
นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ เตรียมทำการเปิดขายกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง (BTSGIF) หลังจากที่รัฐบาลอนุมัติให้มีการจัดตั้งกองทุนที่ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานได้ โดยบริษัทจะร่วมเข้าร่วมลงทุนในกองทุนนี้ด้วยการซื้อหน่วยลงทุน 1929 ล้านหน่วย มูลค่า 20,833 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของกองทุนที่เสนอขายทั้งหมด
สำหรับกองทุนนี้จะเปิดขายให้ผู้ลงทุนทั่วไป (IPO) ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม - 4 เมษายน 2556 โดยมีราคาเสนอขายเบื้องต้นอยู่ที่ 10.40-10.80 บาทต่อหน่วย ซึ่งกองทุน BTSGIF มีมูลค่าเสนอขายประมาณ 60,000-62,500 ล้านบาท โดยนอกเหนือจากส่วนที่ BTS ถืออยู่จำนวน 1,929 ล้านหน่วย มูลค่า 20,833 ล้านบาท คิดเป็น 33% จะมีมีผู้จองซื้อพิเศษที่สนใจซื้อไปแล้วอีกจำนวน 2,333.4 ล้านหน่วย มูลค่า 25,200 ล้านบาท
ดังนั้น เหลือในส่วนที่จะเปิดขายให้นักลงทุนรายย่อยในประเทศไทยจำนวน 771 ล้านหน่วย มูลค่า 8,326.72 ล้านบาท และลูกค้าสถาบันในประเทศและทั่วโลกจำนวน 754 ล้านหน่วย มูลค่าประมาณ 8,149.60 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 16,476.32 ล้านบาท คิดเป็น 26.35% ผู้ลงทุนทั่วไปสามารถจองซื้อกองทุนขั้นต่ำ 2,000 หน่วยและเพิ่มเป็นทวีคูณของ 100 หน่วย โดยไม่จำกัดจำนวนที่จองซื้อต่อหนึ่งไปจองซื้อ
ปันผลดีแถมปลอดภาษี
นายสุทธิพงศ์ พัวพันธ์ประเสริฐ รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจกองทุนอสังหาริมทรัพย์ บลจ.บัวหลวง จำกัด กล่าวว่า สำหรับกองทุน BTSGIF จะได้รับเงินคืนระหว่างการลงทุน ตลอดระยะเวลา 17 ปี ซึ่งประกอบด้วย 2 ส่วน คือ เงินปันผล และเงินลงทุนที่ทยอยจ่ายด้วยการลดทุน โดยประมาณการจากสมมุติฐานต่างๆ ในปีแรกสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มี.ค. 2557 คาดว่าผู้ลงทุนจะได้รับอัตราการจ่ายเงินคืน 5.8%-6.0% โดยประมาณการดังกล่าวแบ่งเป็นเงินปันผลต่อหน่วยประมาณ 5.2-5.4% และจากการทยอยจ่ายคืนเงินลงทุนด้วยการลดทุน 0.6% นอกจากนี้กองทุนเตรียมจดทะเบียนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 19 เมษายน 2556
“กองทุนจะเข้าไปลงทุนในส่วนที่เป็นรายได้จากค่าโดยสารรถไฟฟ้า 2 สายหลักที่มีการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ และผู้ถือหน่วยลงทุนประเภทบุคลธรรมดายังได้รับประโยชน์พิเศษยกเว้นภาษีเงินจากปันผลที่ได้รับถึง 10 ปี” นายสุทธิพงศ์กล่าว
คนแห่ใช้หนุนรายได้โต
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนนี้ให้โอกาสแก่ผู้ลงทุนทุกประเภทที่ต้องการโอกาสรับรายได้สม่ำเสมอจากการลงทุนในธุรกิจขนส่งมวลชนทางรางของบีทีเอส ซึ่งเป็นวิธีการสัญจรที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของชีวิตคนเมืองในปัจจุบัน รวมถึงมีโอกาสรับประโยชน์จากรายได้ที่คาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคตอันเนื่องจากการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องของจำนวนของผู้โดยสาร เพราะทั้งสองเส้นทางผ่านพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของกรุงเทพมหานคร อีกทั้งการขยายเครือข่ายของ
“เส้นทางรถไฟฟ้าผ่านการสนับสนุนจากภาครัฐจะทำให้ปริมาณผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอันเนื่องจากการได้รับความสะดวกสบายในการเดินทางเข้ามาทำงานในพื้นที่เศรษฐกิจต่างๆของกรุงเทพมหานคร”
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายสายการปฏิบัติงาน บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันรถไฟฟ้าสายสีเขียว 2 สายหลักมีอัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ย 10.9% ต่อปีตลอด 13 ปีที่ผ่านมา สำหรับเงินลงทุนสุทธิบางส่วนที่ได้รับจากการระดมทุนในครั้งนี้ BTS จะใช้ไปในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ ตามแผนแม่บทของรัฐบาลที่จะลงทุนขยายระบบขนส่งมวลชนทางราง เบื้องต้นจะลงทุนในส่วนต่อขยายสายสีเขียวจากหมอชิตไปสะพานใหม่ และจากแบริ่งไปสมุทรปราการสายสีชมพูจากแครายไปมีนบุรี และรถไปฟ้าขนาดเบา (Light Rail) จากบางนาไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
“กองทุนมีจุดเด่น คือเป็นกองทุนโครงสร้างพื้นฐานกองแรกของประเทศไทยที่มีขนาดใหญ่ มีสภาพคล่องสูง และมีโอกาสสร้างรายได้จากการเติบโตของผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งได้รับประโยชน์จากการขยายระบบเครือข่ายขนส่งมวลชนตามนโยบายของภาครัฐ” นายสุรพงษ์กล่าว
