หากใช้อดีตเป็นบรรทัดฐานแล้ว พวกที่มองโลกแง่ดีว่า นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ จะเข้าท้าทายกลุ่มที่มีผลประโยชน์ติดอยู่กับระบบเดิมอย่างเหนียวแน่น และกล้าหาญใช้มาตรการเปิดประเทศรับการแข่งขันมากขึ้น เพื่อเป็นหนทางกระตุ้นการเจริญเติบโตขึ้นมาใหม่ อาจจะต้องประสบความผิดหวังอีกครั้ง
อาเบะซึ่งได้รับโอกาสครั้งที่สองแบบที่นักการเมืองญี่ปุ่นน้อยคนนักจะได้รับ จากการขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำรัฐบาลเป็นสมัยที่ 2 หลังจากพรรคลิเบอรัล เดโมเครติก ปาร์ตี้ (แอลดีพี) ของเขาชนะการเลือกตั้งในเดือนธันวาคมที่ผ่านมานั้น ประกาศให้การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง เช่น การผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ เป็น “ลูกศรดอกที่ 3” ในแผน “เศรษฐกิจสไตล์อาเบะ”
ทว่า คนมากมายยังสงสัยว่า เขาจะปฏิรูปเศรษฐกิจสำเร็จหรือไม่ หลังจาก ได้ใช้“ลูกศร” สองดอกแรกไปแล้ว นั่นคือการใช้จ่ายทางการคลังและนโยบายผ่อนคลายเป็นพิเศษในทางการ ซึ่งล้วนแต่ช่วยกันหนุนตลาดหุ้น รวมทั้งคะแนนนิยมในตัวอาเบะ
จุนจิ อันเนน ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยชูโอะและสมาชิกคณะกรรมการการผ่อนคลายกฎระเบียบของอาเบะ ชี้ว่าประชาชนบางส่วนคิดว่า ไม่จำเป็นต้องดำเนินขั้นตอนต่อๆ ไปที่มีความยากลำบากเป็นอย่างมากกันอีกแล้ว ทั้งๆ ที่พวกนักวิชาการระบุมาหลายสิบปีแล้วว่า ขั้นตอนเหล่านั้นมีความจำเป็น ศาสตราจารย์ผู้นี้มองว่า รัฐบาลอาเบะจะเผชิญการคัดค้านมาตรการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง และอาจจบลงด้วยการที่รัฐบาลยอมรามือลงเมื่อเศรษฐกิจทำท่าว่าดีขึ้นสักเล็กน้อย
ข้อเสนอจากคณะกรรมการว่าด้วยความสามารถในการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมและการปฏิรูปกฎระเบียบ จะเป็นยุทธศาสตร์สำหรับการเติบโตของญี่ปุ่น ซึ่งอาเบะเตรียมจะเปิดเผยในเดือนมิถุนายน ก่อนการเลือกตั้งวุฒิสภาที่พรรครัฐบาลต้องการชัยชนะเพื่อกระชับอำนาจ
อย่างไรก็ดี บรรดาที่ปรึกษานายกฯ กลับมีความเห็นแตกแยกในเรื่องที่ว่า รัฐบาลควรขยายบทบาทของตนในกิจการเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหน บางคนอยากให้รัฐนำกองทุนสาธารณะไปลงทุนในภาคสำคัญ ซึ่งย่อมหมายถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาล ขณะที่คนอื่นๆ ต้องการให้ดำเนินการผ่อนคลายการควบคุมของรัฐเนื่องจากมองว่า กฎระเบียบนี่แหละคือตัวขัดขวางนวัตกรรมและธุรกิจใหม่ๆ
อาเบะซึ่งได้รับโอกาสครั้งที่สองแบบที่นักการเมืองญี่ปุ่นน้อยคนนักจะได้รับ จากการขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำรัฐบาลเป็นสมัยที่ 2 หลังจากพรรคลิเบอรัล เดโมเครติก ปาร์ตี้ (แอลดีพี) ของเขาชนะการเลือกตั้งในเดือนธันวาคมที่ผ่านมานั้น ประกาศให้การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง เช่น การผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ เป็น “ลูกศรดอกที่ 3” ในแผน “เศรษฐกิจสไตล์อาเบะ”
ทว่า คนมากมายยังสงสัยว่า เขาจะปฏิรูปเศรษฐกิจสำเร็จหรือไม่ หลังจาก ได้ใช้“ลูกศร” สองดอกแรกไปแล้ว นั่นคือการใช้จ่ายทางการคลังและนโยบายผ่อนคลายเป็นพิเศษในทางการ ซึ่งล้วนแต่ช่วยกันหนุนตลาดหุ้น รวมทั้งคะแนนนิยมในตัวอาเบะ
จุนจิ อันเนน ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยชูโอะและสมาชิกคณะกรรมการการผ่อนคลายกฎระเบียบของอาเบะ ชี้ว่าประชาชนบางส่วนคิดว่า ไม่จำเป็นต้องดำเนินขั้นตอนต่อๆ ไปที่มีความยากลำบากเป็นอย่างมากกันอีกแล้ว ทั้งๆ ที่พวกนักวิชาการระบุมาหลายสิบปีแล้วว่า ขั้นตอนเหล่านั้นมีความจำเป็น ศาสตราจารย์ผู้นี้มองว่า รัฐบาลอาเบะจะเผชิญการคัดค้านมาตรการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง และอาจจบลงด้วยการที่รัฐบาลยอมรามือลงเมื่อเศรษฐกิจทำท่าว่าดีขึ้นสักเล็กน้อย
ข้อเสนอจากคณะกรรมการว่าด้วยความสามารถในการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมและการปฏิรูปกฎระเบียบ จะเป็นยุทธศาสตร์สำหรับการเติบโตของญี่ปุ่น ซึ่งอาเบะเตรียมจะเปิดเผยในเดือนมิถุนายน ก่อนการเลือกตั้งวุฒิสภาที่พรรครัฐบาลต้องการชัยชนะเพื่อกระชับอำนาจ
อย่างไรก็ดี บรรดาที่ปรึกษานายกฯ กลับมีความเห็นแตกแยกในเรื่องที่ว่า รัฐบาลควรขยายบทบาทของตนในกิจการเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหน บางคนอยากให้รัฐนำกองทุนสาธารณะไปลงทุนในภาคสำคัญ ซึ่งย่อมหมายถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาล ขณะที่คนอื่นๆ ต้องการให้ดำเนินการผ่อนคลายการควบคุมของรัฐเนื่องจากมองว่า กฎระเบียบนี่แหละคือตัวขัดขวางนวัตกรรมและธุรกิจใหม่ๆ