นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.กล่าวว่า เคยทำรายงานให้กับกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นหน่วยงานผู้กำกับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ 3 แห่ง เนื่องจากเห็นว่า อาจจะมีความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อโครงการประชานิยมของรัฐ ที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในขณะนี้ พร้อมมีข้อเสนอลดความเสี่ยงให้กับทางกระทรวง แม้ว่าจะปัญหาดังกล่าวยังน่าห่วง แต่เชื่อว่า ยังอยู่ในวิสัยที่ดูแลได้ และไม่กระทบต่อเสถียรภาพในระบบสถาบันการเงินโดยรวม
นายประสาร กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลกว่า แนวโน้มวิกฤตหนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป จะยืดเยื้ออีกหลายปี เพราะเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ปรับลดประมาณการณ์ขยายตัวทางเศรษฐกิจทั้งปี จากเดิมร้อยละ 6 เหลือร้อยละ 5.7 แต่ไม่ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่ปัจจุบันมีอัตราร้อยละ 3 เพื่อตรียมความพร้อม ในการรับมือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
ส่วนทิศทางอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในไตรมาสที่ 3 นายประสาร ระบุว่า ยังคงผันผวน โดยเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า หลังนักลงทุนไทยขยายการลงทุนทางตรงในต่างประเทศ และผู้ส่งออกขายเงินดอลลาร์สหรัฐล่วงหน้ามากขึ้น ประกอบกับรัฐบาลเตรียมเบิกจ่ายเงิน เพื่อลงทุนปรับปรุงระบบบริหารจัดการน้ำวงเงิน 350,000 ล้านบาท และกู้เงินปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ซึ่ง ธปท.จะติดตามสถานการณ์ และรักษาเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนให้สอดคล้องกับภูมิภาค
นายประสาร กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลกว่า แนวโน้มวิกฤตหนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป จะยืดเยื้ออีกหลายปี เพราะเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ปรับลดประมาณการณ์ขยายตัวทางเศรษฐกิจทั้งปี จากเดิมร้อยละ 6 เหลือร้อยละ 5.7 แต่ไม่ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่ปัจจุบันมีอัตราร้อยละ 3 เพื่อตรียมความพร้อม ในการรับมือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
ส่วนทิศทางอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในไตรมาสที่ 3 นายประสาร ระบุว่า ยังคงผันผวน โดยเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า หลังนักลงทุนไทยขยายการลงทุนทางตรงในต่างประเทศ และผู้ส่งออกขายเงินดอลลาร์สหรัฐล่วงหน้ามากขึ้น ประกอบกับรัฐบาลเตรียมเบิกจ่ายเงิน เพื่อลงทุนปรับปรุงระบบบริหารจัดการน้ำวงเงิน 350,000 ล้านบาท และกู้เงินปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ซึ่ง ธปท.จะติดตามสถานการณ์ และรักษาเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนให้สอดคล้องกับภูมิภาค