นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคภูมิใจไทย กลุ่มมัชฌิมา กล่าวว่า กรณีที่มีข่าวว่า ตนเองจะนำลูกพรรคบางส่วนกลับไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยมาแต่แรก การตั้งชื่อพรรค นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน ภรรยา เป็นผู้จดทะเบียนก่อตั้ง และพรรคมีการพัฒนามาต่อเนื่อง ภูมิใจที่เป็นพรรคอันดับ 3 และอยากให้พรรคมีฐานมวลชนที่เข้มแข็ง มีทิศทางการเมืองในแนวทางสันติบนหลักการถูกต้อง การที่จะได้ร่วมรัฐบาลหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ที่สำคัญคือ การเป็นที่พึ่งให้ประชาชนได้ในอนาคต
นายสมศักดิ์ กล่าวย้ำด้วยว่า เมื่อปลดล็อกบ้านเลขที่ 111 แล้ว จะกลับมาเล่นการเมืองอีก เพราะเป็นนักการเมืองอาชีพ ส่วนเรื่องการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ เป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีสิทธิ์ รวมถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล แกนนำพรรคที่ติดบ้านเลขที่ 111 ด้วย
พร้อมกันนี้ นายสมศักดิ์ ยังได้ฝากไปยังรัฐบาล ว่า ให้ควบคุมดูแลดูงบประมาณให้ดี เพราะโครงการค้านสายตา ดังนั้นรัฐควรใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพ เพราะหากมีการจัดสรรไม่ทั่วถึง จะเกิดปัญหาความไม่เสมอภาคได้ รวมถึงขอให้ทุกฝ่ายเห็นใจ และรอสิ่งที่รัฐบาลจะทำให้ เพราะบางสิ่งบางอย่างอาจล่าช้าไป เนื่องจากปัญหาน้ำท่วม
นอกจากนี้ แกนนำพรรคภูมิใจไทย กลุ่มมัชฌิมา กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองวันนี้ ยังมีความขัดแย้ง แต่ทุกอย่างกำลังใกล้จบแล้ว ทุกฝ่ายเจอวิกฤตการเมือง มีประสบการณ์ มีบทเรียนแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ปัญหาเกิดจากกลุ่มทางการเมือง 2 กลุ่ม
พร้อมแนะนำว่า ทุกฝ่ายควรหันหน้าเข้าหากัน เดินหน้าทำให้เป็นไทยสันติ จะไปโทษใครไม่ได้ ไม่ถูกต้อง ทางรอดคือควรถอยคนละก้าว เพื่อความสงบของบ้านเมือง การแบ่งฝ่ายทำให้เราพลาดพลั้ง และกระทำเกินกว่าเหตุ ประเทศถอยหลังไปหลายปี มีคนเดือดร้อนไม่ใช่นักการเมือง แต่เป็นประชาชน ดังนั้นทุกฝ่ายควรตั้งสติ ลดทอนความเห็นแก่ตัว และหันมาพูดจากัน เพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ที่ดีกว่ามาทดแทน
ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ ทิ้งท้ายว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่น่าจะมีความรุนแรง เหมือนการออก พ.ร.ก.บางฉบับ เพราะทำอย่างเปิดเผยทั้งในและนอกสภา ซึ่งตนเห็นด้วยกับการแก้ไข หากมีส่วนร่วมได้ ก็อยากร่วมในการแก้ไขด้วย
นายสมศักดิ์ กล่าวย้ำด้วยว่า เมื่อปลดล็อกบ้านเลขที่ 111 แล้ว จะกลับมาเล่นการเมืองอีก เพราะเป็นนักการเมืองอาชีพ ส่วนเรื่องการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ เป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีสิทธิ์ รวมถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล แกนนำพรรคที่ติดบ้านเลขที่ 111 ด้วย
พร้อมกันนี้ นายสมศักดิ์ ยังได้ฝากไปยังรัฐบาล ว่า ให้ควบคุมดูแลดูงบประมาณให้ดี เพราะโครงการค้านสายตา ดังนั้นรัฐควรใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพ เพราะหากมีการจัดสรรไม่ทั่วถึง จะเกิดปัญหาความไม่เสมอภาคได้ รวมถึงขอให้ทุกฝ่ายเห็นใจ และรอสิ่งที่รัฐบาลจะทำให้ เพราะบางสิ่งบางอย่างอาจล่าช้าไป เนื่องจากปัญหาน้ำท่วม
นอกจากนี้ แกนนำพรรคภูมิใจไทย กลุ่มมัชฌิมา กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองวันนี้ ยังมีความขัดแย้ง แต่ทุกอย่างกำลังใกล้จบแล้ว ทุกฝ่ายเจอวิกฤตการเมือง มีประสบการณ์ มีบทเรียนแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ปัญหาเกิดจากกลุ่มทางการเมือง 2 กลุ่ม
พร้อมแนะนำว่า ทุกฝ่ายควรหันหน้าเข้าหากัน เดินหน้าทำให้เป็นไทยสันติ จะไปโทษใครไม่ได้ ไม่ถูกต้อง ทางรอดคือควรถอยคนละก้าว เพื่อความสงบของบ้านเมือง การแบ่งฝ่ายทำให้เราพลาดพลั้ง และกระทำเกินกว่าเหตุ ประเทศถอยหลังไปหลายปี มีคนเดือดร้อนไม่ใช่นักการเมือง แต่เป็นประชาชน ดังนั้นทุกฝ่ายควรตั้งสติ ลดทอนความเห็นแก่ตัว และหันมาพูดจากัน เพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ที่ดีกว่ามาทดแทน
ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ ทิ้งท้ายว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่น่าจะมีความรุนแรง เหมือนการออก พ.ร.ก.บางฉบับ เพราะทำอย่างเปิดเผยทั้งในและนอกสภา ซึ่งตนเห็นด้วยกับการแก้ไข หากมีส่วนร่วมได้ ก็อยากร่วมในการแก้ไขด้วย
