แกนนำกลุ่มมัชฌิมาแนะทุกฝ่ายถอยคนละก้าวเพื่อไทยสันติ ชี้บ้านเมืองขัดแย้งไม่ใช่จาก “ทักษิณ” แต่เป็นการเมือง 2 กลุ่ม ไม่เชื่อแก้ รธน.รุนแรง เพราะทำอย่างเปิดเผยทั้งในและนอกสภา ลั่นปลดล็อก 111 หวนคืนถนนการเมืองแน่
วันนี้ (14 เม.ย.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคภูมิใจไทย กลุ่มมัชฌิมา กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองว่า การเมืองวันนี้เป็นเรื่องของความขัดแย้ง แต่ทุกอย่างกำลังใกล้จบลงแล้ว เพราะทุกฝ่ายเจอวิกฤตการเมือง มีประสบการณ์ มีบทเรียน และปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ปัญหาเกิดจากกลุ่มทางการเมือง 2 กลุ่ม ประเทศของเราควรหันเดินหน้าทำให้เป็นไทยสันติ เราจะไปโทษใครมันก็ไม่ถูกต้อง เพราะถ้าแพ้ประเทศก็แพ้หมด อย่างนั้นควรถอยคนละก้าวเพื่อความสงบของบ้านเมือง การแบ่งฝ่ายในบ้านเมืองไม่ใช่เรื่องดี เพราะเราพลาดพลั้งและกระทำเกินกว่าเหตุ ประเทศถอยหลังไปหลายปี มีคนเดือดร้อนไม่ใช่นักการเมือง แต่เป็นประชาชน
ตนมีความเห็นว่าทุกฝ่ายควรตั้งสติ ลดทอนความเห็นแก่ตัว และหันมาพูดจากัน เพื่อถอยให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ที่ดีกว่ามาทดแทน และการถอยออกดังกล่าวจะเป็นการช่วยชาติในเวลานี้อย่างดีที่สุด และคิดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่น่าจะมีความรุนแรง เหมือนการออก พ.ร.ก.บางฉบับ เพราะทำอย่างเปิดเผยทั้งในและนอกสภา เข้าตามตรอกออกตามประตู ซึ่งตนเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐและหากมีส่วนร่วมได้ก็อยากร่วมในการแก้ไขด้วย
เมื่อถามถึง การย้ายไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตนสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยมาแต่แรก แม้แต่ตั้งชื่อพรรค นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน ภรรยาตน ก็เป็นผู้จดทะเบียนก่อตั้ง พรรคมีการพัฒนาและตนก็ภูมิใจที่เป็นพรรคอันดับ 3 ตนอยากให้พรรคมีฐานมวลชนที่เข้มแข็ง และมีทิศทางการเมืองในแนวทางสันติบนหลักการถูกต้อง การที่จะได้ร่วมรัฐบาลหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ที่สำคัญคือให้ประชาชนพึ่งพิงได้ในอนาคต
เมื่อถามว่ามีโอกาสจะตั้งพรรคใหม่หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่จำเป็น เพราะที่ผ่านมามีพรรค 4-5 พรรคมาเสนอให้ แต่ก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ส่วนเรื่องการหา หัวหน้าพรรคใครจะเป็นก็เป็นได้ทั้งนั้น แต่ทุกอย่างต้องผ่านการสรรหาของกรรมการบริหารฯ บุคคลที่จะเป็นต้องเป็นที่พึ่งหวังของประชาชนได้ในทุกด้าน และมีความรู้ รู้ว่าประชาชนต้องการอะไร และสามารถสร้างประโยชน์ให้ได้ ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล แกนนำพรรค และสมาชิกบ้าน 111 ก็สามารถเป็นได้
เมื่อถามว่าจะกลับมาเล่นการเมืองอีกหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตนมีอาชีพเป็นนักการเมือง เมื่อปลดล็อกจะกลับมาเล่นการเมืองอีกครั้ง เมื่อถามว่า ระยะเกือบ 5 ปีที่ผ่านมาไปทำอะไรบ้าง นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไปหาแสวงหาความรู้เรื่องเกี่ยวการเกษตร เช่น การพัฒนาพันธุ์สัตว์ พืชเศรษฐกิจ เช่น การปลูกปาล์มในภาคเหนือ พบเกษตรกรระดับพื้นบ้าน รวมถึงอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ วันนี้สิ่งที่อยากทำคือการทำให้เกษตรกรไม่ต้องรอความช่วยเหลือจากผู้อื่น และควรพึ่งพาตนเอง มีความสุขดีกับการอยู่ในพื้นที่สุโขทัย มีโอกาสพบประชาชนมากกว่าตอนเป็นนักการเมือง วันนี้ค้นพบแนวทางใหม่ๆ ที่ได้ช่วยเหลือได้เยอะ
เมื่อถามว่า อยากจะฝากอะไรไปยังรัฐบาล นายสมศักดิ์กล่าวว่า รัฐบาลเจออะไรหลายอย่างมากมาย อยากให้รัฐดูงบประมาณให้ดี เพราะโครงการบางอย่างอาจเร็วจนค้านสายตาไปบ้าง ในลักษณะการวิ่งเต้นใช้งบประมาณ ดังนั้น รัฐควรใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพ ถ้ามีการจัดสรรไม่ทั่วถึง จะเกิดปัญหาความไม่เสมอภาค อยากให้จัดให้ทุกภาคอย่างเท่าเทียม แต่วันนี้นโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลประกาศไว้อาจช้าไปบ้างเพราะปัญหาอุทกภัยที่ผ่านมา ขอให้ทุกฝ่ายเห็นใจและรอสิ่งที่รัฐบาลจะทำให้