คณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน (FATF) ได้ขึ้นบัญชีดำอีก 5 ประเทศ ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานว่าด้วยการสกัดการฟอกเงิน ซึ่งไทยนั้นเป็นหนึ่งในประเทศที่ถูกเสนอให้ขึ้นบัญชีดำ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศ โดย 5 ประเทศใหม่ที่ถูกขึ้นบัญชีดำ ประกอบด้วย ไทย ปากีสถาน อินโดนีเซีย กานา และ แทนซาเนีย เมื่อรวมกับประเทศเดิมอีก 12 ประเทศ รวมเป็นทั้งหมด 17 ประเทศ
นายริค แมคโดเนล เลขาธิการคณะทำงานเฉพาะกิจ เพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน ระบุว่า ทั้ง 5 ประเทศที่ถูกขึ้นบัญชีดำ เพราะไม่ได้ปฏิบัติตามตามคำแนะนำเรื่องการปราบปรามการฟอกเงิน และการให้ทุนสนับสนุนการก่อการร้าย โดยระหว่างการประชุมคณะกรรมการที่ประเทศฝรั่งเศส พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ รักษาราชการแทนเลขาธิการธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.เป็นตัวแทนเพื่อเข้าชี้แจงเหตุผล กรณีที่ประเทศไทยถูกปฏิบัติตามข้อกำหนดของ FATF ที่มีความล่าช้า โดยเฉพาะการออก พ.ร.บ.การป้องกันการฟอกเงิน และ พ.ร.ก.กฎต่อต้านการก่อการร้าย เนื่องจากไทยเพิ่งจะเริ่มปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เป็นปีแรก และขั้นตอนต่างๆ ต้องออกเป็นกฎหมาย และผ่านการรับรองของรัฐสภา เมื่อวานนี้คณะกรรมการร่างภาคเอกชนร่วม 3 สถาบัน หรือ กกร.ที่มี นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล เป็นประธาน เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเร่งส่งสัญญาณต่อนานาชาติ โดยเฉพาะในเรื่องของการผลักดัน พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับ ซึ่งยกร่างมาตั้งแต่ปี 2550 แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถบังคับใช้ การที่ไทยถูกลดอันดับนั้น จะส่งผลกระทบต่อการทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศที่จะล่าช้า รวมถึงทำให้ต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้น และจะถูกกีดกันทางการค้าจากกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ หรือ จี 20
นายริค แมคโดเนล เลขาธิการคณะทำงานเฉพาะกิจ เพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน ระบุว่า ทั้ง 5 ประเทศที่ถูกขึ้นบัญชีดำ เพราะไม่ได้ปฏิบัติตามตามคำแนะนำเรื่องการปราบปรามการฟอกเงิน และการให้ทุนสนับสนุนการก่อการร้าย โดยระหว่างการประชุมคณะกรรมการที่ประเทศฝรั่งเศส พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ รักษาราชการแทนเลขาธิการธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.เป็นตัวแทนเพื่อเข้าชี้แจงเหตุผล กรณีที่ประเทศไทยถูกปฏิบัติตามข้อกำหนดของ FATF ที่มีความล่าช้า โดยเฉพาะการออก พ.ร.บ.การป้องกันการฟอกเงิน และ พ.ร.ก.กฎต่อต้านการก่อการร้าย เนื่องจากไทยเพิ่งจะเริ่มปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เป็นปีแรก และขั้นตอนต่างๆ ต้องออกเป็นกฎหมาย และผ่านการรับรองของรัฐสภา เมื่อวานนี้คณะกรรมการร่างภาคเอกชนร่วม 3 สถาบัน หรือ กกร.ที่มี นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล เป็นประธาน เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเร่งส่งสัญญาณต่อนานาชาติ โดยเฉพาะในเรื่องของการผลักดัน พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับ ซึ่งยกร่างมาตั้งแต่ปี 2550 แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถบังคับใช้ การที่ไทยถูกลดอันดับนั้น จะส่งผลกระทบต่อการทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศที่จะล่าช้า รวมถึงทำให้ต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้น และจะถูกกีดกันทางการค้าจากกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ หรือ จี 20
