นายพระนาย สุวรรณรัฐ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวในงาน "พลังชุมชนท้องถิ่นจัดการภัยพิบัติอย่างยั่งยืน" ซึ่งจัดที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ว่า พร้อมสนับสนุนพลังของชุมชนในการมีส่วนร่วมจัดการภัยพิบัติอย่างเต็มที่ และเชื่อมั่นว่าการทำงานของชุมชนจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยงานสำคัญที่ชุมชน หน่วยงาน และท้องถิ่นต้องร่วมมือกัน คือการสำรวจข้อมูลพื้นที่ การจัดการแผนผังตำบล การวางแผนการจัดการน้ำ และการใช้ประโยชน์ในที่ดินเพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการน้ำ ทั้งสายน้ำ และลุ่มน้ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องลงมือทำโดยประสานข้อมูลและแผนการทำงานกับทุกภาคส่วน
นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ประธานมูลนิธิหัวใจอาสา กล่าวว่า ในการจัดการภัยพิบัติ หลักการที่ชุมชนและรัฐบาลต้องมีร่วมกัน คือความซื่อสัตย์ ความมีประสิทธิภาพ การรวมพลังสร้างสรรค์ การนำความคิดไปสู่การปฏิบัติ และการจัดตั้งศูนย์ความร่วมมือจัดการภัยพิบัติ ขณะที่สิ่งที่รัฐบาลต้องทำ คือการเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ โดยเฉพาะในโครงการขนาดใหญ่ การกระจายบทบาทให้ท้องถิ่น การนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ การคิดแบบครบวงจรและการจัดตั้งกองทุนจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ
ทางด้านนางสาวสมสุข บุญญะบัญชา อดีตผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน กล่าวว่า ชุมชนท้องถิ่นทุกตำบลต้องตื่นขึ้นมาจัดการภัยพิบัติ ต้องมีกลไก แผนงานซึ่งมองทะลุปัญหาปัจจุบันและโครงสร้างต้องทำให้เกิดจังหวัดจัดการภัยพิบัติ ขณะที่หน่วยงานส่วนกลางควรปฏิรูปความคิด กระจายอำนาจให้ท้องถิ่นจัดการให้มากที่สุด ไม่เช่นนั้นจะเผชิญปัญหาที่หนักกว่าในปัจจุบัน โดยต้องมีการปรับวิธีการ แผนงาน งบประมาณไปให้ระดับจังหวัด หรือระดับตำบลดำเนินการ ซึ่งหากหน่วยงานส่วนกลางยังไม่ดำเนินการ ภาคประชาชนก็ควรเป็นฝ่ายเริ่มต้นและเชิญชวนหน่วยงานต่างๆ เข้ามาทำความเข้าใจเพื่อให้แนวทางชุมชนจัดการภัยพิบัติเป็นไปได้
ขณะที่นางทิพย์รัตน์ ทิพลดารมย์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน กล่าวว่า งานสัมมนาพลังชุมชนท้องถิ่นจัดการภัยพิบัติอย่างยั่งยืน ซึ่งจัดต่อเนื่องตั้งแต่วานนี้ ในวันนี้ (28ธ.ค.) จะมีการนำเสนอแนวทางและแผนปฏิบัติการพลังชุมชนท้องถิ่นจัดการภัยพิบัติอย่างยั่งยืน พร้อมประกาศเจตนารมณ์แผนปฏิบัติการทันที โดยมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบกาบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เข้าร่วมรับฟังข้อเสนอและให้ข้อคิดเห็น
นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ประธานมูลนิธิหัวใจอาสา กล่าวว่า ในการจัดการภัยพิบัติ หลักการที่ชุมชนและรัฐบาลต้องมีร่วมกัน คือความซื่อสัตย์ ความมีประสิทธิภาพ การรวมพลังสร้างสรรค์ การนำความคิดไปสู่การปฏิบัติ และการจัดตั้งศูนย์ความร่วมมือจัดการภัยพิบัติ ขณะที่สิ่งที่รัฐบาลต้องทำ คือการเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ โดยเฉพาะในโครงการขนาดใหญ่ การกระจายบทบาทให้ท้องถิ่น การนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ การคิดแบบครบวงจรและการจัดตั้งกองทุนจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ
ทางด้านนางสาวสมสุข บุญญะบัญชา อดีตผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน กล่าวว่า ชุมชนท้องถิ่นทุกตำบลต้องตื่นขึ้นมาจัดการภัยพิบัติ ต้องมีกลไก แผนงานซึ่งมองทะลุปัญหาปัจจุบันและโครงสร้างต้องทำให้เกิดจังหวัดจัดการภัยพิบัติ ขณะที่หน่วยงานส่วนกลางควรปฏิรูปความคิด กระจายอำนาจให้ท้องถิ่นจัดการให้มากที่สุด ไม่เช่นนั้นจะเผชิญปัญหาที่หนักกว่าในปัจจุบัน โดยต้องมีการปรับวิธีการ แผนงาน งบประมาณไปให้ระดับจังหวัด หรือระดับตำบลดำเนินการ ซึ่งหากหน่วยงานส่วนกลางยังไม่ดำเนินการ ภาคประชาชนก็ควรเป็นฝ่ายเริ่มต้นและเชิญชวนหน่วยงานต่างๆ เข้ามาทำความเข้าใจเพื่อให้แนวทางชุมชนจัดการภัยพิบัติเป็นไปได้
ขณะที่นางทิพย์รัตน์ ทิพลดารมย์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน กล่าวว่า งานสัมมนาพลังชุมชนท้องถิ่นจัดการภัยพิบัติอย่างยั่งยืน ซึ่งจัดต่อเนื่องตั้งแต่วานนี้ ในวันนี้ (28ธ.ค.) จะมีการนำเสนอแนวทางและแผนปฏิบัติการพลังชุมชนท้องถิ่นจัดการภัยพิบัติอย่างยั่งยืน พร้อมประกาศเจตนารมณ์แผนปฏิบัติการทันที โดยมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบกาบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เข้าร่วมรับฟังข้อเสนอและให้ข้อคิดเห็น
