นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันราคาน้ำมันมีการผันผวนและมีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เจ้าของรถยนต์หันมาติดตั้งอุปกรณ์สำหรับใช้ก๊าซธรรมชาติอัด (CNG) หรือก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์เพิ่มขึ้น โดยจากสถิติจำนวนรถจำแนกตามชนิดเชื้อเพลิงทั่วประเทศสะสมจนถึงวันที่ 29 พฤษภาคม 2554 ปรากฏว่า มีจำนวนรถที่ใช้ก๊าซ LPG เป็นเชื้อเพลิง จำนวน 732,612 คัน และรถที่ใช้ก๊าซ CNG เป็นเชื้อเพลิง จำนวน 217,593 คัน
ทั้งนี้ เฉพาะเดือนพฤษภาคม 2554 พบว่า มีเจ้าของรถมาดำเนินการแจ้งเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิงเป็นก๊าซ LPG จำนวน 15,189 คัน และแจ้งเปลี่ยนเป็นก๊าซ CNG จำนวน 763 คัน เมื่อเทียบกับเดือนก่อนเพิ่มขึ้นรวมจำนวน 2,655 คัน หรือคิดเป็นร้อยละ 16.64
รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวอีกว่า เจ้าของรถที่ติดตั้งระบบการใช้เชื้อเพลิงทั้ง CNG หรือ LPG จะต้องนำรถเข้ารับการตรวจและทดสอบความปลอดภัยกับผู้ตรวจและทดสอบที่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบก จากนั้นจึงดำเนินการแจ้งเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิงในสมุดคู่มือจดทะเบียนรถให้ถูกต้อง ณ กรมการขนส่งทางบก หรือสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ
ทั้งนี้ เฉพาะเดือนพฤษภาคม 2554 พบว่า มีเจ้าของรถมาดำเนินการแจ้งเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิงเป็นก๊าซ LPG จำนวน 15,189 คัน และแจ้งเปลี่ยนเป็นก๊าซ CNG จำนวน 763 คัน เมื่อเทียบกับเดือนก่อนเพิ่มขึ้นรวมจำนวน 2,655 คัน หรือคิดเป็นร้อยละ 16.64
รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวอีกว่า เจ้าของรถที่ติดตั้งระบบการใช้เชื้อเพลิงทั้ง CNG หรือ LPG จะต้องนำรถเข้ารับการตรวจและทดสอบความปลอดภัยกับผู้ตรวจและทดสอบที่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบก จากนั้นจึงดำเนินการแจ้งเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิงในสมุดคู่มือจดทะเบียนรถให้ถูกต้อง ณ กรมการขนส่งทางบก หรือสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ