นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงว่า จีดีพีในไตรมาส 4 จะขยายตัวร้อยละ 2.7 เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกของปีนี้ ทำให้ภาพรวมตลอดปี 2552 จีดีพีติดลบร้อยละ 3.1 ส่วนปี 2553 คาดว่า เศรษฐกิจจะโตร้อยละ 3.2 อัตราดอกเบี้ยทรงตัวในระดับต่ำ โดยช่วงแรกของปีจะปรับสูงขึ้นบ้าง แต่ครึ่งหลังของปี จะเฉลี่ยที่ร้อยละ 0.25-0.5ราคาพืชผลทางการเกษตรมีแนวโน้มดีขึ้นราคาน้ำมันดิบทรงตัวที่ 75-85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และอาจปรับสูงขึ้นเป็น 90-100 ดอลลาร์ในครึ่งหลังของปี และอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 3.2 ทั้งนี้ ภายใต้สมมติฐาน 3 กรณีคือ กรณีปกติ เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวตามคาด การเมืองมีเสถียรภาพ และไม่มีปัญหาการลงทุนในมาบตาพุด กรณีที่ 2 เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวต่ำกว่าที่คาด การเมืองขาดเสถียรภาพ และมีปัญหามาบตาพุด และกรณีที่ 3 เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวดีเกินคาด การเมืองมีเสถียรภาพ และไม่มีปัญหามาบตาพุด
นอกจากนี้ ทางศูนย์ฯ ยังสำรวจสถานภาพหนี้ภาคครัวเรือน จากผลสำรวจทั่วประเทศ จำนวน 1,202 ตัวอย่าง ระหว่าง 6-13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ และเห็นว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ปัญหาหนี้นอกระบบได้ทำให้ลดอัตราดอกเบี้ยจ่าย ทำให้มีเงินเหลือเก็บ ไม่มีภาระดอกเบี้ยสูง และทำให้มีเงินเหลือลงทุนได้
นอกจากนี้ ทางศูนย์ฯ ยังสำรวจสถานภาพหนี้ภาคครัวเรือน จากผลสำรวจทั่วประเทศ จำนวน 1,202 ตัวอย่าง ระหว่าง 6-13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ และเห็นว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ปัญหาหนี้นอกระบบได้ทำให้ลดอัตราดอกเบี้ยจ่าย ทำให้มีเงินเหลือเก็บ ไม่มีภาระดอกเบี้ยสูง และทำให้มีเงินเหลือลงทุนได้
