นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจภูมิภาคในไตรมาส 4 ปี 2552 ว่า มีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือขยายตัวได้ถึงร้อยละ 5.3 จากเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ทำให้ภาคการส่งออกเริ่มกลับมาฟื้นตัว ประกอบกับไตรมาส 4 อยู่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ทำให้ภาคการท่องเที่ยวคึกคัก ขณะเดียวกันการบริโภคของประชาชนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการใช้จ่ายลงทุนของรัฐบาลในโครงการไทยเข้มแข็ง เริ่มมีเม็ดเงินลงพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2553 จะขยายตัวได้ร้อยละ 3-4 และฟื้นตัวชัดเจนในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน หากการเคลื่อนไหวทางเมืองเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย และปัญหาการลงทุนในโครงการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด รวมถึงโครงการไทยเข้มแข็งสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้
นายธนวรรธน์ ระบุด้วยว่า หากเกิดความวุ่นวายทางการเมือง และปัญหามาบตาพุดไม่สามารถคลี่คลายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง รวมถึงเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้าลง เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้เพียงร้อยละ 2-3 ซึ่งส่งผลต่อมูลค่าภาคการท่องเที่ยว 50,000-100,000 ล้านบาท และทำให้การบริโภคของประชาชนลดลง 30,000-50,000 ล้านบาท รวมถึงภาคการลงทุนจะชะลอลงไป 20,000-40,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า แม้จะเกิดการยุบสภา หรือมีการชุมนุมทางการเมืองที่ยืดเยื้อ แต่หากอยู่ในกรอบของระบอบประชาธิปไตย เศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง
นายธนวรรธน์ ระบุด้วยว่า หากเกิดความวุ่นวายทางการเมือง และปัญหามาบตาพุดไม่สามารถคลี่คลายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง รวมถึงเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้าลง เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้เพียงร้อยละ 2-3 ซึ่งส่งผลต่อมูลค่าภาคการท่องเที่ยว 50,000-100,000 ล้านบาท และทำให้การบริโภคของประชาชนลดลง 30,000-50,000 ล้านบาท รวมถึงภาคการลงทุนจะชะลอลงไป 20,000-40,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า แม้จะเกิดการยุบสภา หรือมีการชุมนุมทางการเมืองที่ยืดเยื้อ แต่หากอยู่ในกรอบของระบอบประชาธิปไตย เศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง