นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงคณะรัฐมนตรีที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ ว่า ทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ถูกจับตามองเป็นพิเศษว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญหรือชำนาญการด้านนี้เข้ามามากน้อยเพียงใดทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงการคลัง ซึ่งตำแหน่งรัฐมนตรีทุกกระทรวงก็เป็นไปตามที่มีการคาดการณ์ไว้ โดยส่วนใหญ่มาจากภาคการเมือง จึงคงยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นได้อย่างทันทีทันใด เช่น นายไชยา สะสมทรัพย์ ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อาจจะยังมีภาพลักษณ์ที่ไม่ชัดเจนเรื่องการบริหารงานด้านพาณิชย์ และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ก็มีผลงานส่วนใหญ่เป็นด้านการตลาด
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนต่างเคยดำรงรัฐมนตรีมาแล้ว น่าจะมีความเข้าใจระบบการวางนโยบายและการสั่งการกับข้าราชการประจำ รวมถึงความต้องการของประชาชน ซึ่งต้องเปิดโอกาสให้รัฐมนตรีได้แสดงผลงานก่อน
นายธนวรรธน์ กล่าวอีกว่า เศรษฐกิจของไทย ขณะนี้มีสัญญาณของการขาดความเชื่อมั่นและมีทิศทางการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจภายในประเทศ ดังนั้นในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ในระยะสั้นจะต้องเข้ามาดูแลเรื่องราคาสินค้าให้ปรับตัวอย่างเหมาะสม ไม่กระทบต่อเรื่องเงินเฟ้อ หรือค่าครองชีพของประชาชน ส่วนระยะปานกลางต้องเพิ่มรายได้ของภาคประชาชนและภาคธุรกิจ โดยการส่งเสริมการค้าชายแดน และการค้าต่างประเทศ เพราะถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะดูแลเศรษฐกิจของไทยได้ สำหรับระยะยาวต้องวางแผนให้สินค้าไทยสามารถเข้าไปเจาะตลาดโลก เพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศได้ในระยะยาว ขณะที่กระทรวงอุตสาหกรรม ต้องประสานเรื่องการดูแลต้นทุนการผลิตของภาคเอกชน เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ และปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของอุตสาหกรรมไทย รวมถึงประสานกระทรวงพลังงานในการวางรากฐานของการประหยัดพลังงาน และพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน ส่วนทีมเศรษฐกิจอื่นๆ ในเบื้องต้นต้องดูแลเรื่องเงินเฟ้อไม่ให้เพิ่มขึ้น สร้างรายได้ให้ภาคประชาชนและธุรกิจ เพื่อทำให้เกิดการบริโภคและการลงทุนเพิ่มขึ้น ทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศดีขึ้น และระยะยาวต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนต่างเคยดำรงรัฐมนตรีมาแล้ว น่าจะมีความเข้าใจระบบการวางนโยบายและการสั่งการกับข้าราชการประจำ รวมถึงความต้องการของประชาชน ซึ่งต้องเปิดโอกาสให้รัฐมนตรีได้แสดงผลงานก่อน
นายธนวรรธน์ กล่าวอีกว่า เศรษฐกิจของไทย ขณะนี้มีสัญญาณของการขาดความเชื่อมั่นและมีทิศทางการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจภายในประเทศ ดังนั้นในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ในระยะสั้นจะต้องเข้ามาดูแลเรื่องราคาสินค้าให้ปรับตัวอย่างเหมาะสม ไม่กระทบต่อเรื่องเงินเฟ้อ หรือค่าครองชีพของประชาชน ส่วนระยะปานกลางต้องเพิ่มรายได้ของภาคประชาชนและภาคธุรกิจ โดยการส่งเสริมการค้าชายแดน และการค้าต่างประเทศ เพราะถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะดูแลเศรษฐกิจของไทยได้ สำหรับระยะยาวต้องวางแผนให้สินค้าไทยสามารถเข้าไปเจาะตลาดโลก เพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศได้ในระยะยาว ขณะที่กระทรวงอุตสาหกรรม ต้องประสานเรื่องการดูแลต้นทุนการผลิตของภาคเอกชน เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ และปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของอุตสาหกรรมไทย รวมถึงประสานกระทรวงพลังงานในการวางรากฐานของการประหยัดพลังงาน และพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน ส่วนทีมเศรษฐกิจอื่นๆ ในเบื้องต้นต้องดูแลเรื่องเงินเฟ้อไม่ให้เพิ่มขึ้น สร้างรายได้ให้ภาคประชาชนและธุรกิจ เพื่อทำให้เกิดการบริโภคและการลงทุนเพิ่มขึ้น ทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศดีขึ้น และระยะยาวต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ