นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ภาวะเงินเฟ้อหลังจากนี้มีแนวโน้มที่จะลดลงตามราคาน้ำมัน ซึ่งตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนกรกฎาคม น่าจะเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดแล้ว โดยคาดว่าเงินเฟ้อทั้งปีจะอยู่ที่ระดับ 6.8-7.2 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ควรตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อไม่ให้กระทบกับภาระผู้ประกอบการและหากทางธนาคารแห่งประเทศไทยมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็ควรทยอยปรับขึ้นคราวละ 0.25 เปอร์เซ็นต์ ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันนั้นทางสภาหอการค้าไทยเชื่อว่าจะไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากแม้จะเข้าสู่ฤดูหนาวที่ทางยุโรปจะมีปริมาณการบริโภคที่มากขึ้นส่วนสงครามรัสเซียกับจอร์เจียนั้น ก็คาดว่าจะไม่ยืดเยื้อส่งผลให้แนวโน้มราคาน้ำมันในครึ่งปีหลัง น่าจะอยู่ที่ระดับ 110-120 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
นายธนวรรธน์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนการแต่งตั้งคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น ตนมองว่าเป็นไปตามกรอบของกฎหมายซึ่งมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้
ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ควรตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อไม่ให้กระทบกับภาระผู้ประกอบการและหากทางธนาคารแห่งประเทศไทยมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็ควรทยอยปรับขึ้นคราวละ 0.25 เปอร์เซ็นต์ ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันนั้นทางสภาหอการค้าไทยเชื่อว่าจะไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากแม้จะเข้าสู่ฤดูหนาวที่ทางยุโรปจะมีปริมาณการบริโภคที่มากขึ้นส่วนสงครามรัสเซียกับจอร์เจียนั้น ก็คาดว่าจะไม่ยืดเยื้อส่งผลให้แนวโน้มราคาน้ำมันในครึ่งปีหลัง น่าจะอยู่ที่ระดับ 110-120 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
นายธนวรรธน์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนการแต่งตั้งคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น ตนมองว่าเป็นไปตามกรอบของกฎหมายซึ่งมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้