กรมอุทยานฯ เล็งพัฒนาพื้นที่พบจระเข้เป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติ

นายเกษมสันต์ จิณณวาโส อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รับฟังบรรยายสรุป โดยพื้นที่ซึ่งพบจระเข้ ระยะทาง 200 เมตร ยังเปิดให้ประชาชนเข้าไปเดินป่าศึกษาธรรมชาติและความเป็นอยู่ของจระเข้ แต่จะสร้างเป็นทางเดินยกระดับ เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว พร้อมให้ความรู้ ทำป้ายเตือน และห้ามนักท่องเที่ยวรังแกหรือให้อาหารจระเข้อย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้ระบบนิเวศเปลี่ยนแปลง และจะยังไม่จับจระเข้มาเจาะเลือดเพื่อตรวจเพศและสายพันธุ์ เนื่องจากอุปสรรค ทั้งปริมาณน้ำที่สูงขึ้นและขุ่นแดง อาจเกิดอันตรายกับเจ้าหน้าที่ได้ แต่จะเปลี่ยนเป็นการศึกษาวิชาการแทน โดยให้คณะสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และนักวิชาการ ร่วมสำรวจ เฝ้าดูพฤติกรรม ช่วงระยะเวลา 3 เดือน พร้อมทำรายงานสรุปและศึกษาไปเรื่อยๆ จนครบ 1-2 ปี พร้อมถ่ายลักษณะเด่นของจระเข้ เช่น กะโหลก เกล็ดตามลำคอและลำตัว เพื่อให้ผู้เชี่ยชาญนำไปเปรียบเทียบสายพันธุ์
ช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พบจระเข้ลอยตัวเหนือน้ำ ห่างจากที่พบครั้งแรก ประมาณ 500 เมตร เชื่อว่าเป็นตัวเดิมที่พบ และยืนยันว่ามีจระเข้เพียง 2 ตัว ยังไม่พบตัวอื่นๆ เพิ่ม ส่วนไข่ที่คาดว่าจะเป็นไข่จระเข้ ซึ่งพบบริเวณคลองสามแพร่ง จุดบรรจบสายน้ำจากเขาเขียวและลำน้ำลำตะคอง ที่จระเข้ขึ้นไปอาบแดดเป็นประจำ เจ้าหน้าที่ไปสำรวจอีกครั้ง พบว่า ไข่ฟองดังกล่าวมีกลิ่นเน่าเสีย และแตก ไม่พบซากสัตว์ในไข่แต่อย่างใด จึงเก็บไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบว่าเป็นไข่ของสัตว์เลื้อยคลานชนิดใด ส่วนบริเวณดังกล่าวหลังจากการตรวจสอบอีกครั้ง คาดว่าไม่มีไข่หลงเหลืออยู่อีก