นางยาใจ ชูวิชา ประธานคณะจัดทำการสำรวจความคิดเห็นประเด็นธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงผลสำรวจทัศนะของผู้ประกอบการต่อผลงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาในกลุ่มภาคการเกษตร การค้า บริการ การผลิต พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ให้คะแนนการบริหารงานของรัฐบาลต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ จากคะแนนเต็ม 10 พึงพอใจ 6.6 คะแนน ความคาดหวังในความสำเร็จ 7.7 คะแนน และความสำเร็จ 6.4 คะแนน ซึ่งถือว่ารัฐบาลสอบผ่าน
นางยาใจ กล่าวว่า ภาคธุรกิจส่วนใหญ่มองว่าเศรษฐกิจช่วงที่ผ่านมาประสบปัญหาอย่างมากจากเศรษฐกิจโลก และเข้าใจการแก้ไขปัญหาจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร และสิ่งที่ประชาชนพอใจต่อมาตรการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลจะอยู่ที่การเรียนฟรี 15 ปี พร้อมชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียน ได้รับคะแนนถึง 8 คะแนน เบี้ยยังชีพคนชรา 7.9 คะแนน การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ 7.3 คะแนน การต่ออายุ 5 มาตรการลดค่าครองชีพ 7.2 คะแนน การประกันราคาพืชผลทางการเกษตร 7.2 คะแนน การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร 7 และอีกหลายมาตรการ สำหรับสิ่งที่ผู้ประกอบการรู้สึกไม่สบายใจต่อการบริหารงานของรัฐบาล คือ การขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ซึ่งได้คะแนนเพียง 2.8 คะแนน เพราะผู้ประกอบการส่วนใหญ่มองว่าการขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเป็นการสร้าง ภาระและต้นทุนให้ผู้ประกอบการที่กำลังประสบปัญหา รัฐบาลจึงต้องเร่งแก้ไข
อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มองว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังเมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งปีแรกยังแย่ และรัฐบาลควรเร่งดำเนินการในมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ 2 ที่นายกรัฐมนตรีจะแถลงผลงานของรัฐบาลในวันที่ 6 สิงหาคมนี้ รัฐบาลจะต้องกำหนดมาตรการต่างๆ ให้เห็นเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นมาตรการกระตุ้นการส่งออก มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ มาตรการควบคุมราคาน้ำมันให้อยู่ระดับต่ำ ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ รวมถึงการสร้างเสถียรภาพทางการเมือง ลดภาษีต่างๆ ที่เป็นอุปสรรค โดยมองว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ในไตรมาส 4 หรืออย่างช้าต้นปีหน้า
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึง การบริหารงานของรัฐบาลว่า สอบผ่านแบบไม่สูงนัก เนื่องจากประชาชนเข้าใจเศรษฐกิจภาพรวมแย่กว่าที่คิด และมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาถือเป็นการกระตุ้นภาคธุรกิจ ลดค่าครองชีพให้กับประชาชน แต่สิ่งสำคัญมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 ที่จะแถลงในสัปดาห์นี้รัฐบาลต้องกำหนดแนวทางการใช้เงินให้ชัดเจนโดยเฉพาะงบประมาณที่จะเสริมภาคธุรกิจ ส่วนสิ่งที่ภาคธุรกิจมองว่ารัฐบาลต้องตระหนัก คือ ภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เพราะการขึ้นภาษีน้ำมันในช่วงเศรษฐกิจไม่ฟื้น ถือเป็นการสร้างภาระและต้นทุนให้ผู้ประกอบการ โดยทางศูนย์ฯ มองว่าหากมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลเห็นผลเป็นรูปธรรมและชัดเจนโดยเฉพาะงบประมาณที่จะลงไปในภาคเศรษฐกิจต่างๆ จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวไตรมาสสุดท้าย อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นไตรมาส 4 ปีนี้ แต่ภาพรวมมองว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะติดลบร้อยละ 3.5-4.5 และจะเป็นบวกปีหน้าร้อยละ 2-3
นางยาใจ กล่าวว่า ภาคธุรกิจส่วนใหญ่มองว่าเศรษฐกิจช่วงที่ผ่านมาประสบปัญหาอย่างมากจากเศรษฐกิจโลก และเข้าใจการแก้ไขปัญหาจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร และสิ่งที่ประชาชนพอใจต่อมาตรการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลจะอยู่ที่การเรียนฟรี 15 ปี พร้อมชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียน ได้รับคะแนนถึง 8 คะแนน เบี้ยยังชีพคนชรา 7.9 คะแนน การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ 7.3 คะแนน การต่ออายุ 5 มาตรการลดค่าครองชีพ 7.2 คะแนน การประกันราคาพืชผลทางการเกษตร 7.2 คะแนน การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร 7 และอีกหลายมาตรการ สำหรับสิ่งที่ผู้ประกอบการรู้สึกไม่สบายใจต่อการบริหารงานของรัฐบาล คือ การขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ซึ่งได้คะแนนเพียง 2.8 คะแนน เพราะผู้ประกอบการส่วนใหญ่มองว่าการขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเป็นการสร้าง ภาระและต้นทุนให้ผู้ประกอบการที่กำลังประสบปัญหา รัฐบาลจึงต้องเร่งแก้ไข
อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มองว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังเมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งปีแรกยังแย่ และรัฐบาลควรเร่งดำเนินการในมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ 2 ที่นายกรัฐมนตรีจะแถลงผลงานของรัฐบาลในวันที่ 6 สิงหาคมนี้ รัฐบาลจะต้องกำหนดมาตรการต่างๆ ให้เห็นเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นมาตรการกระตุ้นการส่งออก มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ มาตรการควบคุมราคาน้ำมันให้อยู่ระดับต่ำ ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ รวมถึงการสร้างเสถียรภาพทางการเมือง ลดภาษีต่างๆ ที่เป็นอุปสรรค โดยมองว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ในไตรมาส 4 หรืออย่างช้าต้นปีหน้า
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึง การบริหารงานของรัฐบาลว่า สอบผ่านแบบไม่สูงนัก เนื่องจากประชาชนเข้าใจเศรษฐกิจภาพรวมแย่กว่าที่คิด และมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาถือเป็นการกระตุ้นภาคธุรกิจ ลดค่าครองชีพให้กับประชาชน แต่สิ่งสำคัญมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 ที่จะแถลงในสัปดาห์นี้รัฐบาลต้องกำหนดแนวทางการใช้เงินให้ชัดเจนโดยเฉพาะงบประมาณที่จะเสริมภาคธุรกิจ ส่วนสิ่งที่ภาคธุรกิจมองว่ารัฐบาลต้องตระหนัก คือ ภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เพราะการขึ้นภาษีน้ำมันในช่วงเศรษฐกิจไม่ฟื้น ถือเป็นการสร้างภาระและต้นทุนให้ผู้ประกอบการ โดยทางศูนย์ฯ มองว่าหากมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลเห็นผลเป็นรูปธรรมและชัดเจนโดยเฉพาะงบประมาณที่จะลงไปในภาคเศรษฐกิจต่างๆ จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวไตรมาสสุดท้าย อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นไตรมาส 4 ปีนี้ แต่ภาพรวมมองว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะติดลบร้อยละ 3.5-4.5 และจะเป็นบวกปีหน้าร้อยละ 2-3
