นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) เป็นประธานในงานสัมมนารับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจบัตรเครดิต พ.ศ..... โดยกล่าวว่า หากกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้จะทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับบัตรเครดิต ทั้งผู้ออกบัตร ผู้ใช้บัตร หรือผู้รับบัตร เนื่องจากที่ผ่านมา แม้การใช้งานบัตรเครดิตจะแพร่หลาย แต่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายมาควบคุมทำให้เกิดคดีความที่เกี่ยวข้องกับบัตรเครดิตจำนวนมาก แต่หลายคนอาจจะมองว่าเรื่องเกี่ยวกับบัตรเครดิตน่าจะเกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลัง แต่ทุกวันนี้การใช้บัตรเครดิตก่อให้เกิดปัญหาสังคม กระทรวงยุติธรรม จึงจัดงานสัมมนาครั้งนี้ขึ้น โดยเชิญชวนนักวิชาการด้านกฎหมาย ผู้ประกอบการบัตรเครดิต ผู้แทนคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมแสดงความเห็น คาดว่าหากกฏหมายฉบับนี้กระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ดำเนินการหลักจะสามารถออกกฎหมายได้ภายใน 6 เดือน อย่างไรก็ตาม ธุรกิจบัตรเครดิตจะคาบเกี่ยวกับกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงการคลัง ตามมารยาทจะหารือกับรัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลังก่อน เบื้องต้นคาดว่ากระทรวงการคลังคงไม่ขัดข้อง
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมารู้สึกเป็นห่วงการคิดอัตราดอกเบี้ยการใช้บัตรเครดิตสูงมาก เกินความเป็นจริงโดยผู้ประกอบการใช้วิธีหลีกเลี่ยงจากการเก็บดอกเบี้ยมาเป็นค่าธรรมเนียม บางรายมีการเรียกเก็บต่อปีสูงถึงร้อยละ 60 ซึ่งเป็นไปไม่ได้ การทำธุรกิจต้องมีกำไรแต่ต้องพอสมควร นอกจากนี้ ยังมีกรณีข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครบัตรเครดิต ถูกนำไปใช้งานต่อในเชิงธุรกิจอื่นได้ โดยที่เจ้าของบัตรไม่ได้อนุญาต และไม่มีกฎหมายคุ้มครอง เมื่อเป็นคดีความก็เทียบเคียงกับกฎหมายแพ่ง กฎหมายอาญา ซึ่งบางครั้งเวลาเกิดคดีความจะใช้เวลานานในการพิจาณาลงโทษ หากกฎหมายบัตรเครดิตมีผล
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมารู้สึกเป็นห่วงการคิดอัตราดอกเบี้ยการใช้บัตรเครดิตสูงมาก เกินความเป็นจริงโดยผู้ประกอบการใช้วิธีหลีกเลี่ยงจากการเก็บดอกเบี้ยมาเป็นค่าธรรมเนียม บางรายมีการเรียกเก็บต่อปีสูงถึงร้อยละ 60 ซึ่งเป็นไปไม่ได้ การทำธุรกิจต้องมีกำไรแต่ต้องพอสมควร นอกจากนี้ ยังมีกรณีข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครบัตรเครดิต ถูกนำไปใช้งานต่อในเชิงธุรกิจอื่นได้ โดยที่เจ้าของบัตรไม่ได้อนุญาต และไม่มีกฎหมายคุ้มครอง เมื่อเป็นคดีความก็เทียบเคียงกับกฎหมายแพ่ง กฎหมายอาญา ซึ่งบางครั้งเวลาเกิดคดีความจะใช้เวลานานในการพิจาณาลงโทษ หากกฎหมายบัตรเครดิตมีผล