นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 แถลงว่า พรรคได้ตั้งคณะกรรมการประสานงานพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ เพื่อดำเนินการร่วมกับกรรมาธิการงบประมาณในส่วนของพรรคเพื่อไทย 19 คน เพื่อตรวจสอบการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 อย่างใกล้ชิด ป้องกันมิให้เกิดการรั่วไหล เกิดความซ้ำซ้อนกับโครงการตามที่รัฐบาลจะเสนอใน พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ.2552 และร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ.... รวมจำนวน 800,000 ล้านบาท เพื่อให้การใช้งบประมาณเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน
รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในกรณีวุฒิสภามีมติไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 นั้น พรรคเห็นว่าตรงกับจุดยืนของพรรคเพื่อไทย เนื่องจากสวนทางกับหลักการการกระตุ้นเศรษฐกิจ ประชาชนจะเดือดร้อนแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นหาก พ.ร.ก.ดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง พรรคเพื่อไทยจะยืนยันไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.ก.ฉบับนี้ ดังนั้นรัฐบาลควรทบทวนกฎหมายดังกล่าวอีกครั้ง ว่ามีความจำเป็นต้องขึ้นภาษีน้ำมันหรือไม่ เพราะประชาชนเดือดร้อนมาก เป็นความผิดพลาดของรัฐบาล นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยจะเฝ้าจับตาราคาสินค้า
นายปานปรีย์ ยังกล่าวแสดงความเป็นห่วงว่า การส่งออกที่ขยายตัวติดลบต่อเนื่อง 7 เดือน ล่าสุดเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ลดลงร้อยละ 26.6 เป็นสัญญาณอันตราย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เจอปัญหาอุปสรรค ราคาน้ำมันสูงขึ้น รัฐบาลซ้ำเติมการจัดเก็บภาษีน้ำมัน รวมทั้งเงินบาทแข็งตัว ดังนั้นหากรัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับการส่งออก จะทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจอย่างแน่นอน มีผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า อาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขันระยะยาว จึงอยากเรียกร้องให้ภาครัฐเห็นความสำคัญในการส่งออกมากยิ่งขึ้น รวมทั้งประสานให้ราคาเงินบาทอยู่ในอัตราที่เหมาะสม เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่อัดเงินลงพื้นที่อย่างเดียว
รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในกรณีวุฒิสภามีมติไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 นั้น พรรคเห็นว่าตรงกับจุดยืนของพรรคเพื่อไทย เนื่องจากสวนทางกับหลักการการกระตุ้นเศรษฐกิจ ประชาชนจะเดือดร้อนแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นหาก พ.ร.ก.ดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง พรรคเพื่อไทยจะยืนยันไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.ก.ฉบับนี้ ดังนั้นรัฐบาลควรทบทวนกฎหมายดังกล่าวอีกครั้ง ว่ามีความจำเป็นต้องขึ้นภาษีน้ำมันหรือไม่ เพราะประชาชนเดือดร้อนมาก เป็นความผิดพลาดของรัฐบาล นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยจะเฝ้าจับตาราคาสินค้า
นายปานปรีย์ ยังกล่าวแสดงความเป็นห่วงว่า การส่งออกที่ขยายตัวติดลบต่อเนื่อง 7 เดือน ล่าสุดเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ลดลงร้อยละ 26.6 เป็นสัญญาณอันตราย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เจอปัญหาอุปสรรค ราคาน้ำมันสูงขึ้น รัฐบาลซ้ำเติมการจัดเก็บภาษีน้ำมัน รวมทั้งเงินบาทแข็งตัว ดังนั้นหากรัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับการส่งออก จะทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจอย่างแน่นอน มีผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า อาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขันระยะยาว จึงอยากเรียกร้องให้ภาครัฐเห็นความสำคัญในการส่งออกมากยิ่งขึ้น รวมทั้งประสานให้ราคาเงินบาทอยู่ในอัตราที่เหมาะสม เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่อัดเงินลงพื้นที่อย่างเดียว
