xs
xsm
sm
md
lg

“เพื่อแม้ว” ผสมโรงจวกรัฐหมกเม็ดแผนฟื้นฟูรถไฟ จี้แจงให้ชัดจะทำอะไร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปานปรีย์ พหิทธานุกร
“ปานปรีย์” ฉวยโอกาสผสมโรงวิจารณ์แผนฟื้นรถไฟ จี้เร่งแจงเจตนาให้ชัดจะทำอะไร อย่างไร เชื่อหากชี้แจงที่มาที่ไปได้สหภาพการรถไฟจะเข้าใจ ระบุแผนฟื้นฟูเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องเป็นระบบ เผยพรรคตั้งนั่งประธานทีมเกาะติด พ.ร.บ.งบปี 53 ทั้งวอนรัฐให้ความสำคัญกับการส่งออก ลั่นจุดยืนพรรค ค้าน พ.ร.ก.ขึ้นภาษีน้ำมัน

วันนี้ (23 พ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อเวลา 12.30 น. นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่สหภาพการรถไฟแห่งประเทศไทย หยุดงานประท้วงมติ ครม.เกี่ยวกับแผนการพื้นฟูฐานะทางการเงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย และการจัดตั้งบริษัทลูก 2 บริษัท คือ บริษัท เดินรถ จำกัด และบริษัทบริหารทรัพย์สิน ว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ส่วนตัวไม่ทราบว่ารัฐบาลกำลังทำอะไร เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีการแถลงข่าวใดๆออกมาเลยเกี่ยวกับแผนปรับปรุงฟื้นฟู และไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงมีการตั้งบริษัทลูกของการรถไฟฯ 2 บริษัท ทั้งๆ ที่ ร.ฟ.ท.มีปัญหาการเงินและหนี้สิน การแก้ไขปัญหาของรัฐบาลต้องทำแบบมืออาชีพ ไม่ใช่วันดีคืนดีก็ออกมาเป็นมติ ครม. เพราะตรงนี้เป็นจุดที่ทำให้คนเกิดความสงสัยอย่างมาก ดังนั้น รัฐบาลต้องรีบชี้แจงถึงเจตนาการไปปรับปรุงโครงสร้างการฟื้นฟูว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการแก้ไขในส่วนของการให้บริการและหนี้สิน ถ้าสามารถบอกแนวทางที่จะทำให้สหภาพและประชาชนดีขึ้นได้อย่างไรแล้ว เชื่อว่าทางสหภาพฯ จะเข้าใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการแปรรูป ร.ฟ.ท.หรือไม่ นายปานปรีย์กล่าวว่า ต้องดูทั้งระบบโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภคที่ให้บริการประชาชน มีการผูกขาดชัดเจนหรือไม่ ถ้าแปรรูปไม่ดีก็อาจเกิดความเสียหายได้ อยากเห็นแผนการใหญ่ของรัฐบาลที่จะใช้กับรัฐวิสาหกิจที่ขาดทุนว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ทั้งนี้ ในการฟื้นฟูของรัฐบาลนั้นเป็นเจตนาที่ดีแต่วิธีการไม่ดี ไม่ชัดเจนว่ากำลังทำอะไร ทุกอย่างจะต้องทำให้โปร่งใส อธิบายได้ และเป็นที่ยอมรับด้วย

นอกจากนี้ นายปานปรีย์กล่าวอีกว่า พรรคได้แต่งตั้งตนเป็นประธานคณะกรรมการประสานงานพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 เพื่อดำเนินการร่วมกับกรรมาธิการงบประมาณในส่วนของพรรคเพื่อไทย 19 คน ในการตรวจสอบการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 อย่างใกล้ชิด ป้องกันไม่ให้เกิดการรั่วไหล เกิดความซ้ำซ้อนกับโครงการตามที่รัฐบาลจะเสนอใน พ.ร.ก.และ พ.ร.บ.เงินกู้รวม 8 แสนล้านบาท เพื่อให้การใช้งบประมาณเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน

นายปานปรีย์กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่วุฒิสภามีมติไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตนั้น ตรงกับจุดยืนของพรรคเพื่อไทย เนื่องจากสวนทางกับหลักการการกระตุ้นเศรษฐกิจ ประชาชนจะเดือดร้อนแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น หาก พ.ร.ก.ดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง พรรคเพื่อไทยยังยืนยันไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.ก.ฉบับนี้ จึงอยากให้รัฐบาลทบทวนกฎหมายดังกล่าวอีกครั้งว่ามีความจำเป็นต้องขึ้นภาษีน้ำมันหรือไม่ เพราะประชาชนเดือดร้อนมาก เป็นความผิดพลาดของรัฐบาล นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยจะเฝ้าจับตาราคาสินค้าด้วย

นายปานปรีย์กล่าวด้วยว่า การส่งออกที่ขยายตัวติดลบต่อเนื่อง 7 เดือน โดยล่าสุดเดือน พ.ค.ลดลงร้อยละ 26.6 นั้นเป็นสัญญาณอันตรายเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว หากรัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับการส่งออกเท่าที่ควรจะเกิดปัญหาเศรษฐกิจอย่างแน่นอน มีผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า จนอาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขันระยะยาว จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเห็นความสำคัญในการส่งออกมากยิ่งขึ้น รวมทั้งประสานให้ราคาเงินบาทอยู่ในอัตราที่เหมาะสม เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ใช่การอัดเงินลงพื้นที่อย่างเดียว
กำลังโหลดความคิดเห็น