พรรคประชาธิปัตย์ นัดประชุม ส.ส.ฟังความเห็น กรณีหวยออนไลน์ ก่อนส่งรัฐตัดสินใจ “เทพไท” ชื่นชมภาพรวมประสภาสมัยวิสามัญดีกว่าเก่า เชื่อ ส.ส.พยายามรักษาภาพลักษณ์สภา ยันเปิดกว้างให้ฝ่ายค้านตรวจสอบงบประมาณปี 53 ในชั้น กมธ.วิสามัญ กันข้อครหารัฐจัดงบหมกเม็ดกระจุกตัว โวทุกอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้
วันนี้ (19 มิ.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงภาพรวมของการประชุมสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงินและ พ.ร.บ.กู้เงิน รวม 8 แสนล้านบาท และพ.ร.บ.งบประมาณปี 2553 ว่า ในภาพรวมแล้วประสบความสำเร็จด้วยดี แม้ว่าระหว่างการประชุมนั้น อาจจะมีการโต้เถียง ขัดแย้งประท้วงจนวุ่นวายบ้าง แต่เมื่อเทียบกับการประชุมสภาหลายครั้งที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ เห็นว่าบรรยากาศครั้งนี้ดีกว่า มีการประท้วงน้อยครั้ง เป็นเพราะ ส.ส.หลายคนตระหนักถึงภาพพจน์ของสภา อีกทั้ง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลก็อดทนอดกลั้นต่อการตอบโต้ในประเด็นต่างๆ เพราะมีเป้าหมายต้องการผลักดันให้กฏหมายผ่านไปด้วยดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณปี 2553 กลัวจะเกิดความขัดแย้งและนำไปสู่การบอยคอตของพรรคฝ่ายค้านจะเหมือนกับการพิจารณา พ.ร.บ.กู้เงินที่ฝ่ายค้านวอล์กเอาต์จนต้องเกิดเหตุตั้งคณะกรรมาธิการเต็มสภาเพื่อผ่าน 3 วาระรวด ถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะเกิดข้อครหาและรัฐบาลเกิดความไม่สง่างามในการพิจารณางบปี 2553 แต่ในที่สุดก็ได้รับความร่วมมือจากพรรคร่วมฝ่ายค้านในการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 2553
นายเทพไทกล่าวต่อว่า รัฐบาลเองก็พร้อมที่จะเปิดกว้างให้ฝ่ายค้านแสดงบทบาทฝ่ายค้านในคณะกรรมาธิการวิสามัญนี้ได้เต็มที่ เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาว่ารัฐบาลหมกเม็ด หรือจัดสรรงบประมาณแบบกระจุกตัวให้กับพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเป็นกรณีพิเศษ ถ้าหากฝ่ายค้านเห็นว่าการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาล ไม่มีความเป็นธรรมถูกต้อง คณะกรรมาธิการฯ ในส่วนของรัฐบาลเองก็พร้อมรับฟังความคิดเห็นและปรับปรุงได้เต้มที่ตามมติของที่ประชุมคณะกรรมาธิการเสียงส่วนใหญ่ รวมไปถึง พ.ร.บ.กู้เงิน 4 แสนล้านที่ได้ผ่านสภาไปแล้วในขั้นตอนการปฏิบัติ รัฐบาลเองก็พร้อมที่จะให้ตรวจสอบเช่นเดียวกัน เพราะการใช้เม็ดเงินงบประมาณที่ได้จ่ากภาษีของประชาชนทุกบาททุกสตางค์ รัฐบาลต้องการให้มีการใช้จ่ายที่คุ้มค่า โปร่งใสมีประสิทธิภาพมากที่สุด ให้ตรงกับเจตนารมณ์ของรัฐบาลชุดนี้
นายเทพไทกล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการแก้ไขปัญหาการออกหวยออนไลน์ซึ่งมีทั้งฝ่ายที่คัดค้านและสนับสนุนว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญอีกกรณีที่รัฐบาลต้องใช้ความรอบคอบในการพิจารณาตัดสินใจให้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ซึ่งในอดีตเคยมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์บางส่วนเคยแสดงจุดยืนคัดค้านเต็มที่ เพราะเห็นว่าเป็นการส่งเสริมอบายมุข มอมเมาประชาชน แต่วันนี้ขั้นตอนการพิจารณาเดินมาถึงกระบวนการที่ต้องตัดสินใจอย่างหนึ่งอย่างใดแล้ว เพราะรัฐบาลก่อนหน้านี้ได้ผูกมัดตัวเองโดยการลงนามในสัญญากับบริษัทเอกชนที่ได้รับสัมปทานไปแล้ว ถ้ารัฐบาลไม่ดำเนินการตามสัญญาก็อาจจะถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายมากมายหลายพันล้านบาท และอาจจะเป็นการเสียค่าโง่ของรัฐบาลอีกกรณีหนึ่งก็เป็นไปได้ ซึ่งรัฐบาลต้องชั่งน้ำหนักระหว่างผลดีกับผลเสีย โดยการตัดสินใจที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นที่ตั้ง เพื่อความรอบคอบและเพื่อฟังเสียงของ ส.ส.ของพรรคเกี่ยวกับจุดยืนในเรื่องนี้ จึงจะมีการเชิญประชุม ส.ส.พรรคในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ เวลา 15.00 น.เพื่อที่จะรับฟังความเห็นของ ส.ส.อย่างกว้างขวาง ก่อนจะสรุปความเห็นส่งให้รัฐบาลเพื่อประกอบการพิจารณาตัดสินใจ