กรมการค้าต่างประเทศจัดสัมมนาหัวข้อ "ระบบมาตรฐานด้านวัสดุก่อสร้างงานด้านวิศวกรรม สถาปัตยกรรม ของสหภาพยุโรป" โดยความร่วมมือกับสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และสำนักงานผู้แทนคณะกรรมาธิการยุโรปประจำประเทศไทย
นายประสงค์ ธาราไชย นายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) กล่าวว่า การจัดสัมมนาวันนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ประกอบการงานด้านก่อสร้างของไทยเข้าใจถึงมาตรฐานของงานก่อสร้างยุโรปทั้งเทคนิคงานช่าง มาตรฐานความปลอดภัยการก่อสร้าง รวมทั้งมาตรฐานวัสดุก่อสร้างที่ผู้ประกอบการไทยส่งเข้าไปขายประเทศในสหภาพยุโรป ซึ่งถือเป็นเรื่องจำเป็นที่ผู้ประกอบการไทยต้องการเข้าไปเจาะตลาด ขณะเดียวกันจะเป็นการพัฒนาความรู้ที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานการทำงานของผู้ประกอบการก่อสร้างของไทยให้สูงขึ้น ที่จะส่งผลดีถึงการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในไทย ซึ่งจะมีชาวต่างชาติที่เป็นชาวยุโรปจำนวนมากเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย ซึ่งการพัฒนาโครงการที่ได้มาตรฐานก็จะเป็นเครื่องจูงใจให้แก่ผู้ซื้อชาวยุโรปมากขึ้น
ด้านนายแคลร์ แอนเดอร์สัน เจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านวิสาหกิจและอุตสาหกรรมของคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่า แม้ปัจจุบันภาวะการถดถอยของเศรษฐกิจโลกจะทำให้งานก่อสร้างในภูมิภาคยุโรปลดลงเหลือประมาณร้อยละ 40 ของปีที่ผ่านมา แต่หากผู้ประกอบการไทยมีความสนใจเข้าไปลงทุนรับงานก่อสร้างในทวีปยุโรปก็สามารถดำเนินการได้โดยไม่ติดเงื่อนไขกฎหมายและกฎระเบียบแต่อย่างใด แต่สิ่งสำคัญคือผู้ประกอบการไทยต้องเข้าใจมาตรฐานงานก่อสร้างที่ใช้ในภูมิภาคยุโรป ซึ่งมีมาตรฐานสูง
จากข้อมูลของกรมการค้าต่างประเทศระบุว่างานก่อสร้างในทวีปยุโรปมีมาตรฐานว่ายูโรโค้ด เป็นมาตรฐานในการออกแบบอาคารและโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งวิศวกรรมโยธา เช่น สะพาน ตึกสูง รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในงานก่อสร้าง เช่น คอนกรีต เหล็ก อะลูมิเนียม ก็จะมีมาตรฐานตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว ซึ่งกรมฯ ตั้งเป้าหมายให้ผู้ประกอบการไทยยกระดับคุณภาพของงาน เพื่อขยายโอกาสทางด้านการค้าในอนาคต ทั้งนี้ การค้าระหว่างไทยและยุโรปถือเป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 รองจากภูมิภาคอาเซียน โดยในปี 2551 ไทยส่งสินค้าไปอียู คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 700,000 ล้านบาท
นายประสงค์ ธาราไชย นายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) กล่าวว่า การจัดสัมมนาวันนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ประกอบการงานด้านก่อสร้างของไทยเข้าใจถึงมาตรฐานของงานก่อสร้างยุโรปทั้งเทคนิคงานช่าง มาตรฐานความปลอดภัยการก่อสร้าง รวมทั้งมาตรฐานวัสดุก่อสร้างที่ผู้ประกอบการไทยส่งเข้าไปขายประเทศในสหภาพยุโรป ซึ่งถือเป็นเรื่องจำเป็นที่ผู้ประกอบการไทยต้องการเข้าไปเจาะตลาด ขณะเดียวกันจะเป็นการพัฒนาความรู้ที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานการทำงานของผู้ประกอบการก่อสร้างของไทยให้สูงขึ้น ที่จะส่งผลดีถึงการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในไทย ซึ่งจะมีชาวต่างชาติที่เป็นชาวยุโรปจำนวนมากเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย ซึ่งการพัฒนาโครงการที่ได้มาตรฐานก็จะเป็นเครื่องจูงใจให้แก่ผู้ซื้อชาวยุโรปมากขึ้น
ด้านนายแคลร์ แอนเดอร์สัน เจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านวิสาหกิจและอุตสาหกรรมของคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่า แม้ปัจจุบันภาวะการถดถอยของเศรษฐกิจโลกจะทำให้งานก่อสร้างในภูมิภาคยุโรปลดลงเหลือประมาณร้อยละ 40 ของปีที่ผ่านมา แต่หากผู้ประกอบการไทยมีความสนใจเข้าไปลงทุนรับงานก่อสร้างในทวีปยุโรปก็สามารถดำเนินการได้โดยไม่ติดเงื่อนไขกฎหมายและกฎระเบียบแต่อย่างใด แต่สิ่งสำคัญคือผู้ประกอบการไทยต้องเข้าใจมาตรฐานงานก่อสร้างที่ใช้ในภูมิภาคยุโรป ซึ่งมีมาตรฐานสูง
จากข้อมูลของกรมการค้าต่างประเทศระบุว่างานก่อสร้างในทวีปยุโรปมีมาตรฐานว่ายูโรโค้ด เป็นมาตรฐานในการออกแบบอาคารและโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งวิศวกรรมโยธา เช่น สะพาน ตึกสูง รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในงานก่อสร้าง เช่น คอนกรีต เหล็ก อะลูมิเนียม ก็จะมีมาตรฐานตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว ซึ่งกรมฯ ตั้งเป้าหมายให้ผู้ประกอบการไทยยกระดับคุณภาพของงาน เพื่อขยายโอกาสทางด้านการค้าในอนาคต ทั้งนี้ การค้าระหว่างไทยและยุโรปถือเป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 รองจากภูมิภาคอาเซียน โดยในปี 2551 ไทยส่งสินค้าไปอียู คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 700,000 ล้านบาท