“สุขุมพันธุ์” ยันการเจรจาจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับแก้ปัญหารถดับเพลิง เปรยอยากไปดูรถดับเพลิง หากไม่ผิดข้อกฎหมาย ส่วนซานติก้า ผับ ระบุ จะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ไม่มีแพะแน่นอน ขณะที่ผลตรวจสอบ 32 อาคารบางเขนปลอดภัย 28 แห่ง อีก 4 แห่ง ยังไม่ก่อสร้าง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า คาดว่า ในวันศุกร์นี้คณะทำงานกระทรวงยุติธรรม จะส่งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุเพลิงไหม้ซานติก้า ผับ ฉบับสมบูรณ์ให้กับ กทม.ส่วนการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุด กทม.จะได้ข้อสรุปในสัปดาห์หน้า ซึ่งในการตรวจสอบข้อเท็จจริง ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบจากหน่วยงานใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกระทรวงยุติธรรม หรือเป็นผลการตรวจสอบของ กทม.สิ่งเหล่านี้ต้องนำมาพิจารณาโดยจะไม่มีการดองเรื่อง ถ้าผลการตรวจสอบออกมาชัดเจน กทม.ก็จะดำเนินการตามกฎหมาย แต่ในขณะเดียวกัน ก็จะให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวยอมรับด้วยว่า ได้มีการหารือกับนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับรถดับเพลิงจริง แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ส่วนเรื่องคดีความหากมีการฟ้องร้องยกเลิกสัญญาจัดซื้อรถดับเพลิงตนคิดว่า คงไม่มีใครอยากขึ้นศาล ซึ่งทางออกที่ดีที่สุด ก็คือ การเจรจา ซึ่งจะต้องเป็นการเจรจาโดย กทม.ต้องไม่เสียผลประโยชน์ ทั้งนี้ หากเลือกได้ก็อยากให้เรื่องดังกล่าวจบภายใน 1 อาทิตย์ ส่วนการไปตรวจดูสภาพรถดับเพลิงที่ยังจอดไว้ที่ท่าเรือแหลมฉบังนั้น หากไม่ผิดข้อกฎหมายก็อยากพาสื่อมวลไปตรวจสอบสภาพรถดูเหมือนกัน
ต่อข้อถามที่ว่า รู้สึกหนักใจหรือไม่ที่ กทม.ต้องประสบกับปัญหาต่างๆ ทั้งเรื่องสินบนอุโมงค์ระบายน้ำ คดีทุจริตรถดับเพลิง ตลอดจนเหตุเพลิงไหม้ซานติก้า ผับ และอยากสะสางอะไรเป็นเรื่องแรก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ใจตนอยากสะสางปัญหาเหล่านี้ให้เร็วที่สุดในแนวทางที่ไม่เป็นลบกับ กทม.ต้องสะสางโดยไม่ผิดกฎหมาย ต้องสะสางโดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายกับข้าราชการประจำเราต้องให้ความเป็นธรรมไม่ใช่ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วรีบสรุปว่าอะไรเป็รอะไรแล้วในที่สุดก็กลายเป็นแพะรับบาป ดังนั้น ตนจึงไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น การตรวจสอบเร่งรัดได้แต่จะไม่รีบร้อนจนเกิดความไม่เป็นธรรม
ในวันเดียวกัน ที่ศาลาว่าการ กทม.2 (ดินแดง) นายประกอบ จิรกิติ รองผู้ว่าฯกทม.เป็นประธานการประชุมกับผู้บริหารสำนักการโยธา (สนย.) กทม.พร้อมเปิดเผยว่า ในที่ประชุมได้เน้นย้ำนโยบายเรื่องความปลอดภัยในการใช้อาคาร ซึ่งเป็นภารกิจของ สนย.โดยตรง ซึ่งตนได้ย้ำกับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ให้เข้มงวดตรวจการขออนุญาตการใช้อาคารให้ถูกวิธี และถูกต้องตรงตามกับที่ยื่นขอเพื่อป้องกันปัญหาการใช้อาคารผิดแบบอย่างกรณี ซานติก้า ผับ
นายประกอบ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ในส่วนของเขตบางเขน ที่ตนได้สั่งการเจ้าหน้าที่โยธาเขตตรวจสอบอาคาร ทั้ง 32 แห่ง ที่มีการปลอมลายเซ็นสถาปนิกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่า มีความมั่นคงแข็งแรงหรือไม่นั้น ขณะนี้ได้รับรายงานว่าตรวจครบทั้ง 32 แห่งแล้ว พบว่า อาคาร 28 แห่ง เป็นที่พักอาศัยมีความมั่นคงแข็งแรงดี
ส่วนอีก 4 แห่งนั้น ยังไม่มีการก่อสร้าง แต่เป็นเพียงการขออนุญาตเอาไว้เท่านั้น ซึ่งเจ้าขออาคารได้เริ่มทยอยเข้าให้ข้อมูลกับเขตบางเขนแล้ว เพื่อตรวจสอบในเรื่องของการว่าจ้างวิศวกร และชื่อวิศวกรว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการตรวจสอบอาคาร และการออกมาตรการในการควบคุมอาคารในทุกๆ ด้านต่อจากนี้นั้น ภายในสัปดาห์หน้า กทม.จะมีการประชุมร่วมกับสภาวิชาชีพวิศวกร สภาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อหารือถึงมาตรการในการกำกับดูอาคารสถานที่ต่างๆ ใน กทม.ร่วมกัน เนื่องจาก กทม.ไม่ใช่หน่วยงานเดียวทีรับผิดชอบในเรื่องนี้
ทั้งนี้ คาดว่า ภายหลังการหารือ จะทำให้ทุกฝ่ายทำงานในหน้าที่ของตนเองได้ชัดเจน ไม่โยนว่าเป็นความรับผิดชอบของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
