สภาวิชาชีพเห็นพ้อง กทม.ยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคารควรให้สถาปนิกแสดงตัวก่อนลงลายเซ็น แต่หวั่นผิดกฎหมายกลายเป็นการลิดรอนสิทธิ เล็งแก้ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ให้สถาปนิกแสดงตน พร้อมใบรับรองจากสภาวิชาชีพ
วันนี้ (20 ก.พ.) ที่สำนักการโยธา กทม.2 ดินแดง นายประกอบ จิรกิติ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมแก้ปัญหาการปลอมแปลงลายเซ็นสถาปนิกและวิศวกรในการยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคาร หลังจากพบปัญหาการปลอมแปลงลายเซ็นสถาปนิกในการก่อสร้างซานติก้าผับ และอาคารในเขตบางเขนจำนวน 32 อาคาร โดยวันนี้สำนักการโยธา ได้เชิญตัวแทนสภาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) สภาวิศวกร สมาคมสถาปนิกสยาม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือ ทั้งนี้ นายประกอบให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า จากการหารือได้ความคิดเห็นที่หลากหลาย และที่ประชุมเห็นพ้องตรงกันเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาปลอมแปลงลายเซ็นสถาปนิกใน 2 แนวทาง
คือ การให้สถาปนิกมาแสดงตนระหว่างการยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคาร และการยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้างอาคารจะต้องได้รับการรับรองโดยสภาวิชาชีพ อย่างไรก็ตามที่ประชุมเห็นว่าทั้ง 2 แนวทาง อาจมีปัญหาตามมาเพราะเป็นการลิดรอนสิทธิ เนื่องจากพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2535 ไม่ได้ระบุว่าการยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคารสถาปนิกต้องยื่นด้วยตนเอง ขณะที่ปัจจุบันการยื่นเอกสารขออนุญาตก่อสร้างอาคารสามารถส่งตัวแทนมายื่นเอกสารพร้อมสำเนาใบประกอบวิชาชีพเท่านั้น ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าถูกปลอมแปลงหรือเจ้าตัวรู้เห็นเป็นใจ
นายประกอบ กล่าวอีกว่า ดังนั้นที่ประชุมจึงเห็นควรตั้งคณะทำงานร่วม 3 ฝ่าย ประกอบด้วย กทม. สภาวิชาชีพ และกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย เพื่อศึกษาเรื่องข้อกฎหมายว่าจะทำได้หรือไม่อย่างไร เนื่องจากทั้ง 2 แนวทางดังกล่าว จำเป็นต้องไปแก้เนื้อหาของกฎหมายควบคุมอาคาร อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ยังไม่สามารถแก้ไขกฎหมายได้นั้น ตนได้กำชับกับฝ่ายโยธาเขตขอให้ตรวจสอบเอกสารให้ดีก่อนที่จะออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร และขอความร่วมมือให้สถาปนิกมาแสดงตนในวันยื่นเอกสารไปก่อน
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบการปลอมลายเซ็นอาคารในเขตบางเขนนั้น นายประกอบ กล่าวว่า ขณะนี้มีเจ้าของผู้ยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคารทยอยเข้าให้ข้อมูลกับเขตบางเขนจำนวนหนึ่งแล้ว ซึ่งเขตกำลังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล ซึ่งตนจะได้เร่งรัดให้สรุปรายงานมาโดยเร็ว
ด้านนายชาตินัย เนาวภูต ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กล่าวว่า ที่ผ่านมา กทม.มีมาตรการกำกับดูแลอยู่แล้ว โดยทุกครั้งที่มีการยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคาร กทม.จะมีเรื่องแจ้งไปที่สภาวิศวกรรมสถานฯ เพื่อเป็นการตรวจสอบอีกชั้นหนึ่ง จากนั้นสภาวิศวกรรมสถานฯ จะนำข้อมูลขึ้นบนเว็บไซด์ของสภาวิศวกรรมสถานฯ ซึ่งสถาปนิกสามารถเข้าไปตรวจสอบเพื่อรักษาสิทธิของตนเองหากมีบุคคลอื่นนำข้อมูลไปแอบอ้างก่อสร้างอาคาร ดังนั้นจึงอยากขอความร่วมมือจากสถาปนิกผู้ออกแบบในการตรวจสอบตัวเองด้วย
วันนี้ (20 ก.พ.) ที่สำนักการโยธา กทม.2 ดินแดง นายประกอบ จิรกิติ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมแก้ปัญหาการปลอมแปลงลายเซ็นสถาปนิกและวิศวกรในการยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคาร หลังจากพบปัญหาการปลอมแปลงลายเซ็นสถาปนิกในการก่อสร้างซานติก้าผับ และอาคารในเขตบางเขนจำนวน 32 อาคาร โดยวันนี้สำนักการโยธา ได้เชิญตัวแทนสภาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) สภาวิศวกร สมาคมสถาปนิกสยาม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือ ทั้งนี้ นายประกอบให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า จากการหารือได้ความคิดเห็นที่หลากหลาย และที่ประชุมเห็นพ้องตรงกันเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาปลอมแปลงลายเซ็นสถาปนิกใน 2 แนวทาง
คือ การให้สถาปนิกมาแสดงตนระหว่างการยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคาร และการยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้างอาคารจะต้องได้รับการรับรองโดยสภาวิชาชีพ อย่างไรก็ตามที่ประชุมเห็นว่าทั้ง 2 แนวทาง อาจมีปัญหาตามมาเพราะเป็นการลิดรอนสิทธิ เนื่องจากพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2535 ไม่ได้ระบุว่าการยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคารสถาปนิกต้องยื่นด้วยตนเอง ขณะที่ปัจจุบันการยื่นเอกสารขออนุญาตก่อสร้างอาคารสามารถส่งตัวแทนมายื่นเอกสารพร้อมสำเนาใบประกอบวิชาชีพเท่านั้น ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าถูกปลอมแปลงหรือเจ้าตัวรู้เห็นเป็นใจ
นายประกอบ กล่าวอีกว่า ดังนั้นที่ประชุมจึงเห็นควรตั้งคณะทำงานร่วม 3 ฝ่าย ประกอบด้วย กทม. สภาวิชาชีพ และกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย เพื่อศึกษาเรื่องข้อกฎหมายว่าจะทำได้หรือไม่อย่างไร เนื่องจากทั้ง 2 แนวทางดังกล่าว จำเป็นต้องไปแก้เนื้อหาของกฎหมายควบคุมอาคาร อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ยังไม่สามารถแก้ไขกฎหมายได้นั้น ตนได้กำชับกับฝ่ายโยธาเขตขอให้ตรวจสอบเอกสารให้ดีก่อนที่จะออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร และขอความร่วมมือให้สถาปนิกมาแสดงตนในวันยื่นเอกสารไปก่อน
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบการปลอมลายเซ็นอาคารในเขตบางเขนนั้น นายประกอบ กล่าวว่า ขณะนี้มีเจ้าของผู้ยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคารทยอยเข้าให้ข้อมูลกับเขตบางเขนจำนวนหนึ่งแล้ว ซึ่งเขตกำลังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล ซึ่งตนจะได้เร่งรัดให้สรุปรายงานมาโดยเร็ว
ด้านนายชาตินัย เนาวภูต ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กล่าวว่า ที่ผ่านมา กทม.มีมาตรการกำกับดูแลอยู่แล้ว โดยทุกครั้งที่มีการยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคาร กทม.จะมีเรื่องแจ้งไปที่สภาวิศวกรรมสถานฯ เพื่อเป็นการตรวจสอบอีกชั้นหนึ่ง จากนั้นสภาวิศวกรรมสถานฯ จะนำข้อมูลขึ้นบนเว็บไซด์ของสภาวิศวกรรมสถานฯ ซึ่งสถาปนิกสามารถเข้าไปตรวจสอบเพื่อรักษาสิทธิของตนเองหากมีบุคคลอื่นนำข้อมูลไปแอบอ้างก่อสร้างอาคาร ดังนั้นจึงอยากขอความร่วมมือจากสถาปนิกผู้ออกแบบในการตรวจสอบตัวเองด้วย
