ตุลาการศาลปกครองกลาง ลงพื้นที่เดินเผชิญสืบ หรือตรวจสอบความกว้างของซอยร่วมฤดี เพื่อใช้ประกอบ พิจารณาคดีที่ประชาชนในซอยร่วมฤดี รวม 24 คน ฟ้องผู้อำนวยการเขตปทุมวัน และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ฐานออกเอกสารรับรองความกว้างของซอยร่วมฤดีเกินกว่าความเป็นจริง และปล่อยให้มีการก่อสร้างอาคารสูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด
มีทั้งผู้ฟ้อง ผู้ถูกฟ้อง และตัวแทนเจ้าของอาคารที่เป็นผู้ร้อง นำชี้จุดวัด ซึ่งมีการชี้จุดวัด ทั้งหมด 11 จุด ตั้งแต่ปากซอยด้านถนนเพลินจิตไปจนถึงท้ายซอยหลังสถานทูตสหรัฐอเมริกา โดยชาวซอยร่วมฤดีนำชี้จุดวัดได้แคบที่สุด คือ 7.38 เมตร ขณะที่ตัวแทนเจ้าของอาคารนำชี้จุดวัดได้กว้างที่สุด 10.53 เมตร
นายสุชาติ สุภสวัสดิ์กุล ชาวซอยร่วมฤดี เปิดเผยว่า การตรวจสอบในวันนี้เห็นได้ชัดเจนว่า ซอยร่วมฤดีมีความกว้างไม่ถึง 10 เมตรตลอดแนว ตามที่กฎหมายกำหนด จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้มีการสร้างอาคารทั้ง 2 หลัง แต่ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล
นายสมชาติ เลาหะบุญญานุกุล ตัวแทนเจ้าของอาคาร เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทำถูกต้องตามกฎหมายตลอด ต้องลงทุนไปกว่า 1,000 ล้านบาท แต่ไม่สามารถเปิดใช้อาคารได้ ทำให้สูญเสียรายได้มหาศาล ซึ่งหากต้องมีการรื้อถอนอาคาร จะฟ้องเรียกค่าเสียหายกับกรุงเทพมหานคร ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท
มีทั้งผู้ฟ้อง ผู้ถูกฟ้อง และตัวแทนเจ้าของอาคารที่เป็นผู้ร้อง นำชี้จุดวัด ซึ่งมีการชี้จุดวัด ทั้งหมด 11 จุด ตั้งแต่ปากซอยด้านถนนเพลินจิตไปจนถึงท้ายซอยหลังสถานทูตสหรัฐอเมริกา โดยชาวซอยร่วมฤดีนำชี้จุดวัดได้แคบที่สุด คือ 7.38 เมตร ขณะที่ตัวแทนเจ้าของอาคารนำชี้จุดวัดได้กว้างที่สุด 10.53 เมตร
นายสุชาติ สุภสวัสดิ์กุล ชาวซอยร่วมฤดี เปิดเผยว่า การตรวจสอบในวันนี้เห็นได้ชัดเจนว่า ซอยร่วมฤดีมีความกว้างไม่ถึง 10 เมตรตลอดแนว ตามที่กฎหมายกำหนด จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้มีการสร้างอาคารทั้ง 2 หลัง แต่ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล
นายสมชาติ เลาหะบุญญานุกุล ตัวแทนเจ้าของอาคาร เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทำถูกต้องตามกฎหมายตลอด ต้องลงทุนไปกว่า 1,000 ล้านบาท แต่ไม่สามารถเปิดใช้อาคารได้ ทำให้สูญเสียรายได้มหาศาล ซึ่งหากต้องมีการรื้อถอนอาคาร จะฟ้องเรียกค่าเสียหายกับกรุงเทพมหานคร ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท