xs
xsm
sm
md
lg

ร้อง กทม.เปิดทาง บ.เอกชนก่อสร้างผิด กม.ใน ซ.ร่วมฤดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ซอยร่วมฤดี
ตุลาการศาลปกครอง ลงพื้นที่เผชิญสืบวัดความกว้าง ซ.ร่วมฤดี หลังแพทย์หลวง ชาวบ้าน ละแวกซอย ร้อง กทม.อนุมัติสร้างอาคารสูงเกินกฎหมายกำหนด “ทนายผู้ร้อง” เผยความกว้างในซอยไม่ถึง 10 เมตรตามกฎหมายกำหนดห้ามสร้างอาคารสูง แต่อดีต ผอ.เขตพญาไท กลับเปิดทางให้เอกชนเข้ามาก่อสร้าง จนกระทบสาธารณประโยชน์ หวั่นเกิดเหตุไฟไหม้ เช่น ซานติก้า

วันนี้ (18 มี.ค.) นายไพศาล บุญเกิด และ นายพินิจ มั่นสัมฤทธิ์ องค์คณะตุลาการศาลปกครองกลาง พร้อมด้วยผู้ร้อง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการสำนักงานเขตปทุมวัน ในฐานะผู้ถูกร้อง และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เผชิญสืบตรวจสอบสถานที่ความกว้างของซอยร่วมฤดี บริเวณที่ตั้งอาคารสูงว่ากว้างเกิน 10 เมตรหรือไม่ เพื่อนำข้อเท็จจริงมาพิจารณาคดีหมายเลขดำที่ 1475/2551 ที่ นพ.สงคราม ทรัพย์เจริญ แพทย์หลวง, นายขวัญแก้ว วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง, อาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประชาชนที่อยู่อาศัยในซอยร่วมฤดี รวมทั้งสิ้น 24 ราย ได้ยื่นฟ้อง นายสุรเกียรติ์ ลิ้มเจริญ ผู้อำนวยการเขตปุทมวัน (ขณะดำรงตำแหน่ง ปี 2551) และ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ขณะดำรงตำแหน่งปี 2551) ต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 17 ก.ย.2551 ที่ผ่านมา เรื่อง ละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่ล่าช้า และไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีออกเอกสารรับรองความกว้างของถนนซอยร่วมฤดีเกินกว่าความเป็นจริง โดยระบุว่ามีความกว้างต่อเนื่อง 10 เมตร ให้กับบริษัท ลาภประทาน จำกัด และบริษัท ทับทิมทร จำกัด เพื่อนำไปยื่นแบบก่อสร้างอาคารสูง โดยไม่ต้องยื่นคำขอรับอนุญาต ตามมาตรา 39 ของ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ทั้งที่ความจริง ความกว้างของถนนไม่ได้กว้าง 10 เมตรต่อเนื่องกัน จึงเป็นเหตุให้มีการก่อสร้างอาคารสูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของชุมชนที่พักอาศัยในซอยร่วมฤดี และกระทบต่อสาธารณประโยชน์ของประชาชนทุกครัวเรือนที่ต้องเสี่ยงภยันตรายทั้งด้านอัคคีภัย และการจราจรที่แออัดจน

โดยผู้ร้อง ขอให้ศาลออกไปเผชิญสืบตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อหาข้อยุติเขตทาง ซ.ร่วมฤดี และขอให้ศาลมีคำสั่งผู้ว่าฯ กทม.และ ผอ.สำนักงานเขตปทุมวัน สั่งระงับหรือรื้อถอนการก่อสร้างในส่วนที่ผิดกฎหมายทั้งหมดภายในเวลาที่ศาลปกครองกำหนด

ด้าน นายเฉลิมพงษ์ กลับดี หัวหน้าศูนย์ทนายความอาสาเพื่อผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคซึ่งได้รับมอบอำนาจในการฟ้องคดี กล่าวว่า หลังจากที่ยื่นฟ้องคดีได้ให้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่า ซ.ร่วมฤดีมีความกว้าง 10 เมตรยาวต่อเนื่องกันหรือไม่ ตามที่กฎหมายห้ามสร้างอาคารสูงเกิน 23 เมตรหรือมีเนื้อที่ใช้สอยเกิน 10,000 ตารางเมตร ในพื้นที่ซอยกว้างไม่ถึง 10 เมตรยาวต่อเนื่องกัน จนศาลฯมีคำสั่งให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเจ้าพนักงานของกรมที่ดินผู้ได้ทำการรังวัด มาชี้แจงข้อเท็จจริงและแสดงพยานหลักฐานที่ ซ.ร่วมฤดี บริเวณก่อสร้าง ในวันนี้

“สำนักงานเขตปทุมวัน ได้อ้างว่า ต้องทำการรังวัดที่ดินตลอดซอย เพื่อหาข้อเท็จจริงมาเป็นเวลา 3 ปีเศษ แต่รังวัดไม่เสร็จ ซึ่งซอยนี้ยาวประมาณ 1,200 เมตร รังวัดซอยได้ยาวเพียงประมาณ 600 เมตร ผลการรังวัดปรากฏว่าความกว้างซอยร่วมฤดีส่วนใหญ่กว้างไม่ถึง 10 เมตรแต่ก็ เปิดโอกาสให้บริษัททำการก่อสร้างมา 3 ปี โดยไม่ต้องรับใบอนุญาต โดยผอ.เขตปทุมวันอ้างว่าเป็นผู้ดูแลที่สาธารณะตามกฎหมายจึงมีอำนาจออกหลักฐานทางราชการเอง เป็นที่ทราบกันในหมู่ชาวบ้านซอยร่วมฤดีว่าซอยร่วมฤดีไม่เคยกว้างถึง 10 เมตรตลอดแนว ตั้งแต่มีซอยร่วมฤดีเป็นถนนสาธารณะ ซึ่งตรงกับหลักฐานที่เก็บรักษาไว้ที่กรุงเทพมหานคร” นายเฉลิมพงษ์ กล่าว

นายเฉลิมพงษ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา ประชาชนผู้ที่อาศัยอยู่ในซอยร่วมฤดี และผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดินติดกับซอยร่วมฤดีต่างออกมาร้องเรียน ผอ.เขตปทุมวัน และผู้ว่าฯ กทม.ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2549 และร้องเรียน รมว.มท.ตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 แต่สำนักงานเขตปทุมวันก็ไม่ดำเนินการ การทักท้วงการก่อสร้าง เนื่องจาก ผอ.เขตปทุมวัน ได้ออกใบรับรองความกว้างของซอย 10 เมตรให้กับผู้ก่อสร้าง จึงไม่ยอมเปลี่ยนแปลงหนังสือรับรองดังกล่าว และเปิดโอกาสให้มีการก่อสร้างอาคารสูงได้ต่อเนื่อง เหตุการณ์แบบนี้อาจจะคล้ายกับอาคารซานติก้าผับที่ไฟไหม้ ซึ่งเป็นอดีต ผอ.เขตวัฒนา ผู้นี้ย้ายมาเป็น ผอ.เขตปทุมวัน และกำลังถูกพิจารณาลงโทษ

นายเฉลิมพงษ์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา สำนักงานเขตปทุมวัน ได้ทำการรังวัด ซ.ร่วมฤดี เมื่อวันที่ 21 ส.ค.2550 และวันที่ 9 พ.ย.2550 โดยกำหนดให้เจ้าพนักงานที่ดินทำแผนที่แสดงแนวเขตทาง ซ.ร่วมฤดี กว้าง 10 เมตร จากถนนเพลินจิต ถึงบริเวณก่อสร้างอาคารสูง 24 ชั้นและ 18 ชั้น เพื่อเอาแผนที่นี้แสดงต่อสาธารณชน ว่า ซ.ร่วมฤดี กว้าง 10 เมตร ทั้งที่กรมที่ดินก็ได้ปฏิเสธการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงให้แก่ ซ.ร่วมฤดี ด้วยเหตุนี้การแสดงหลักฐานของโฉนดที่ดินของเอกชนที่อยู่ติดกับซอย และการวัดความกว้างของ ซ.ร่วมฤดี ประกอบคำชี้แจงต่อศาลในวันเผชิญสืบในวันนี้ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่ศาลจะนำข้อมูลหลักฐานไปพิจารณาว่า ผอ.เขตปทุมวัน และผู้ว่าฯ กทม.ละเลยต่อหน้าที่หรือไม่

ขณะที่ ศ.ไขแสง ศุขะวัฒนะ อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์จุฬาฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าของที่ดินและอยู่ใน ซ.ร่วมฤดี มานาน 78 ปี กล่าวว่า ตนเป็นเจ้าของที่ดินติดกับ ซ.ร่วมฤดี อยู่ตรงกันข้ามกับอาคารชุด แอนธินี่ เรสซิเด้นท์ รั้วบ้านเดิมก็ตรงกับแนวหลักเขต เป็นไปไม่ได้ที่กำแพงรั้วของตน และของผู้อื่นที่อยู่ในแนวเดียวกันจะรุกล้ำที่สาธารณะตามที่สำนักงานเขตปทุมวันอ้างต่อศาล

“แปลกใจมากที่ได้เห็นแผนที่รังวัดโดยสำนักงานเขตปทุมวัน ชี้ให้กรมที่ดินทำแผนที่รังวัดเมื่อวันที่ 9 พ.ย.2550 กำหนดตำแหน่งตะปูแสดงเขตทาง ซ.ร่วมฤดี ในแผนที่ ซึ่งล้ำเข้ามาในที่ดินของตนลึกเข้ามา 40 กว่าเมตร โดยไม่ได้ทราบเรื่องมาก่อน” ศ.ไขแสง กล่าวและว่า กำแพงรั้วที่บ้านก็เป็นแนวเส้นตรงต่อเนื่องจากรั้วข้างเคียงติดต่อกันยาวประมาณ 600 เมตร จากปาก ซ.ร่วมฤดี ด้านถนนเพลินจิต จนถึงกำแพงรั้วของที่ก่อสร้าง และยังมีเสาไฟฟ้าเดิมปักอยู่ห่างรั้วห่างจากขอบทางตามระยะตามที่ระบุไว้ในทะเบียนตลอดแนวตั้งแต่ปากซอย
กำลังโหลดความคิดเห็น