บรรดาเศรษฐกิจในเอเชียจะต้องหันมาร่วมมือทำงานกันอย่างใกล้ชิด โดยไม่ถือว่าประเทศอื่นๆ เป็นปรปักษ์คู่แข่งขัน ถ้าหากหวังที่จะฟันฝ่าให้ผ่านพ้นภาวะเศรษฐกิจทรุดฮวบที่กำลังบังเกิดขึ้นทั่วโลกในเวลานี้ เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจของสหประชาชาติกล่าวที่กรุงเทพฯเมื่อวันพฤหัสบดี(15)
ระหว่างการเสนอรายงานประจำปีว่าด้วยเศรษฐกิจโลกของยูเอ็นต่อสื่อมวลชนในกรุงเทพฯ ราช กุมาร ที่ปรึกษาพิเศษของคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (UNESCAP) กล่าวว่า เอเชียจะต้องเลิกนิสัยที่มุ่งแต่จะพึ่งพาการค้ากับพวกประเทศอุตสาหกรรม และหันมาร่วมมือกันโดยนำเอาทรัพยากรต่างๆ มากองรวมใช้ด้วยกัน
"นี่เป็นเวลาที่จะต้องลงมือกระทำการอย่างจริงจังแล้ว ... ถ้าภูมิภาคแถบนี้ได้รับประโยชน์ ทุกๆ คนก็จะได้รับประโยชน์ด้วย" กุมารกล่าว
"พวกคุณจำเป็นจะต้องลดทอนการที่มุ่งพึ่งพาแต่การทำการค้ากับโลกตะวันตกเท่านั้น พวกคุณจำเป็นจะต้องทำการค้าระหว่างกันเองให้มากขึ้น -- ยกเลิกกำแพงกีดขวางแบบนักลัทธิกีดกันการค้าออกไปเสีย อย่าได้ใช้เพื่อนบ้านของคุณเหมือนกับว่าเป็นปรปักษ์คู่แข่งขันรายหนึ่ง" เขาบอก
ในรายงานของยูเอ็นที่ใช้ชื่อว่า "สถานการณ์และลู่ทางโอกาสทางเศรษฐกิจโลกปี 2009" (World Economic Situation and Prospects 2009) ฉบับนี้บอกว่า พวกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ต้องพึ่งพาการส่งออกไปยังพวกประเทศอุตสาหกรรมอย่างหนัก ได้แก่ กัมพูชา, ฟิลิปปินส์, และสิงคโปร์ กำลังเห็นอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของพวกตนลดลงราว 3% ในปี 2008 เมื่อเทียบกับปี 2007
แต่ในทางตรงกันข้าม การที่สินค้าโภคภัณฑ์อย่างพวก ข้าว, ปาล์มน้ำมัน, และพลังงาน มีราคาสูงลิ่วเป็นประวัติการณ์ในครึ่งแรกของปี 2008 ได้ทำให้พวกประเทศอย่างอาทิ ไทย, อินโดนีเซีย, และมาเลเซียในระดับที่ลดหลั่นลงมา สามารถประคับประคองอัตราการเติบโตในปี 2008 ให้อยู่ระดับที่ใกล้เคียงกับปี 2007 อย่างไรก็ตาม รายงานเตือนว่า เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์พวกนี้ก็ได้ลดฮวบลงตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2008 ดังนั้น ประเทศเหล่านี้จะต้องได้รับผลกระทบหนักหน่วงมากขึ้น
ระหว่างการเสนอรายงานประจำปีว่าด้วยเศรษฐกิจโลกของยูเอ็นต่อสื่อมวลชนในกรุงเทพฯ ราช กุมาร ที่ปรึกษาพิเศษของคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (UNESCAP) กล่าวว่า เอเชียจะต้องเลิกนิสัยที่มุ่งแต่จะพึ่งพาการค้ากับพวกประเทศอุตสาหกรรม และหันมาร่วมมือกันโดยนำเอาทรัพยากรต่างๆ มากองรวมใช้ด้วยกัน
"นี่เป็นเวลาที่จะต้องลงมือกระทำการอย่างจริงจังแล้ว ... ถ้าภูมิภาคแถบนี้ได้รับประโยชน์ ทุกๆ คนก็จะได้รับประโยชน์ด้วย" กุมารกล่าว
"พวกคุณจำเป็นจะต้องลดทอนการที่มุ่งพึ่งพาแต่การทำการค้ากับโลกตะวันตกเท่านั้น พวกคุณจำเป็นจะต้องทำการค้าระหว่างกันเองให้มากขึ้น -- ยกเลิกกำแพงกีดขวางแบบนักลัทธิกีดกันการค้าออกไปเสีย อย่าได้ใช้เพื่อนบ้านของคุณเหมือนกับว่าเป็นปรปักษ์คู่แข่งขันรายหนึ่ง" เขาบอก
ในรายงานของยูเอ็นที่ใช้ชื่อว่า "สถานการณ์และลู่ทางโอกาสทางเศรษฐกิจโลกปี 2009" (World Economic Situation and Prospects 2009) ฉบับนี้บอกว่า พวกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ต้องพึ่งพาการส่งออกไปยังพวกประเทศอุตสาหกรรมอย่างหนัก ได้แก่ กัมพูชา, ฟิลิปปินส์, และสิงคโปร์ กำลังเห็นอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของพวกตนลดลงราว 3% ในปี 2008 เมื่อเทียบกับปี 2007
แต่ในทางตรงกันข้าม การที่สินค้าโภคภัณฑ์อย่างพวก ข้าว, ปาล์มน้ำมัน, และพลังงาน มีราคาสูงลิ่วเป็นประวัติการณ์ในครึ่งแรกของปี 2008 ได้ทำให้พวกประเทศอย่างอาทิ ไทย, อินโดนีเซีย, และมาเลเซียในระดับที่ลดหลั่นลงมา สามารถประคับประคองอัตราการเติบโตในปี 2008 ให้อยู่ระดับที่ใกล้เคียงกับปี 2007 อย่างไรก็ตาม รายงานเตือนว่า เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์พวกนี้ก็ได้ลดฮวบลงตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2008 ดังนั้น ประเทศเหล่านี้จะต้องได้รับผลกระทบหนักหน่วงมากขึ้น