นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงร่วมกับผู้บริหารธนาคาร 4 แห่ง เกี่ยวกับแนวทางการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2551/2552 และสินค้าเกษตร เนื่องจากรัฐบาลต้องการวงเงินรับจำนำปีนี้ 110,000 ล้านบาท โดยขอกู้จากธนาคาร 4 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารออมสิน 40,000 ล้านบาท ธนาคารกรุงไทย 40,000 ล้านบาท ธนาคารนครหลวงไทย 15,000 ล้านบาท และธนาคารทหารไทย 15,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์ลบร้อยละ 2 ระยะเวลากู้ 1 ปี โดยกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน เพื่อรับจำนำข้าวเปลือก 97,000 ล้านบาท ที่เหลือรับจำนำมันสำปะหลังและข้าวโพด
นายประดิษฐ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับโรงสีที่ถูกขึ้นบัญชีดำในช่วงที่ผ่านมาจะไม่ให้เข้าร่วมโครงการ รวมไปถึงโรงสีที่พยายามเปลี่ยนชื่อใหม่ก็จะดูอย่างรอบคอบ ส่วนผู้ไม่มีเจตนาทุจริต หรือมีข้อสงสัยก็พร้อมให้เข้าร่วมโครงการ เพราะขณะนี้ต้องการใช้พื้นที่เพื่อใช้ในการฝากทั้งข้าว และมันสำปะหลังจำนวนมาก
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า การรับจำนำสินค้าเกษตรปีนี้ จะแตกต่างจากทุกครั้ง เพราะเงินกู้เป็นภาระของรัฐบาลไม่เกี่ยวกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดย ธ.ก.ส.จะเป็นเพียงผู้รับจ้างบริหารจัดการ แต่ภาระหนี้สาธารณะของรัฐบาลจะเพิ่มขึ้น 100,000 ล้านบาท ซึ่งจะต้องรายงานต่อสภารับทราบ เพื่อให้เกิดการโปร่งใส
ด้านนายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รองผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อป้องกันปัญหาการทุจริต ทั้งการวัดปริมาณข้าว และความชื้น การสวมสิทธิ์แทนเกษตรกร
ด้านนายเดชา ตันติยวรงค์ ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ก็ให้ขึ้นทะเบียนเกษตรกร และโรงสีข้าวที่จะเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์เกษตร และปัญหาโรงสีข้าวกดราคา เนื่องจากจังหวัดเคยพบปัญหาการสวมสิทธิ์เกษตรกร และคาดว่าจะสามารถเปิดรับจำนำข้าวได้ในสัปดาห์หน้า โดยคาดว่าปีนี้จะมีผลผลิตข้าวออกสู่ตลาดจำนวน 667,800 ตัน
นายประดิษฐ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับโรงสีที่ถูกขึ้นบัญชีดำในช่วงที่ผ่านมาจะไม่ให้เข้าร่วมโครงการ รวมไปถึงโรงสีที่พยายามเปลี่ยนชื่อใหม่ก็จะดูอย่างรอบคอบ ส่วนผู้ไม่มีเจตนาทุจริต หรือมีข้อสงสัยก็พร้อมให้เข้าร่วมโครงการ เพราะขณะนี้ต้องการใช้พื้นที่เพื่อใช้ในการฝากทั้งข้าว และมันสำปะหลังจำนวนมาก
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า การรับจำนำสินค้าเกษตรปีนี้ จะแตกต่างจากทุกครั้ง เพราะเงินกู้เป็นภาระของรัฐบาลไม่เกี่ยวกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดย ธ.ก.ส.จะเป็นเพียงผู้รับจ้างบริหารจัดการ แต่ภาระหนี้สาธารณะของรัฐบาลจะเพิ่มขึ้น 100,000 ล้านบาท ซึ่งจะต้องรายงานต่อสภารับทราบ เพื่อให้เกิดการโปร่งใส
ด้านนายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รองผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อป้องกันปัญหาการทุจริต ทั้งการวัดปริมาณข้าว และความชื้น การสวมสิทธิ์แทนเกษตรกร
ด้านนายเดชา ตันติยวรงค์ ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ก็ให้ขึ้นทะเบียนเกษตรกร และโรงสีข้าวที่จะเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์เกษตร และปัญหาโรงสีข้าวกดราคา เนื่องจากจังหวัดเคยพบปัญหาการสวมสิทธิ์เกษตรกร และคาดว่าจะสามารถเปิดรับจำนำข้าวได้ในสัปดาห์หน้า โดยคาดว่าปีนี้จะมีผลผลิตข้าวออกสู่ตลาดจำนวน 667,800 ตัน
