นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้า เปิดเผยผลสำรวจการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ในปีนี้ของหลายธุรกิจ เช่น สิ่งทอ อาหาร ยางพารา และค้าส่งค้าปลีกพบว่า ผลกระทบวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ ต่อเศรษฐกิจไทยยังไม่รุนแรงมากนัก และยังสามารถทนแรงกดดันได้ แต่ขณะนี้สัญญาณการชะลอตัวของภาคธุรกิจเริ่มเห็นได้ชัด จากการที่ผู้ประกอบการไม่มั่นใจเศรษฐกิจในอนาคตโดยเฉพาะปีหน้า ว่าจะชะลอตัวลงหรือไม่ ทำให้สภาพคล่องเริ่มตึงตัว หลายรายเริ่มหยุดดำเนินธุรกิจ ซึ่งหากไตรมาส 4 ปีนี้เศรษฐกิจชะลอตัวต่ำกว่าร้อยละ 2.5 มีโอกาสทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้อยู่ในระดับร้อยละ 3.5 - 4 จะเป็นสัญญาณอันตรายต่อเศรษฐกิจในปีหน้า และโอกาสที่คนจะตกงาน 1 ล้านคนเป็นไปได้สูง รัฐบาลจึงต้องมาตรการขับเคลื่อนเพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรมในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้
นายธนวรรธน์ ยังเห็นด้วยกับการที่จะลดดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.5 - 1 ในขณะที่ผู้ประกอบการต้องการให้ลดลงร้อยละ 1 - 2 นอกจากนี้ให้รักษาอัตราระดับแลกเปลี่ยนที่ 35 - 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ดูแลราคาน้ำมันดีเซลให้อยู่ที่ 26 ต่อลิตร เร่งเบิกจ่ายงบ 1 แสนล้านบาท เร่งโครงการเมกะโปรเจกต์ และเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว
ทั้งนี้หากมาตรการทั้งหมดดำเนินการได้ จะทำให้จีดีพีปีนี้โตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 4.5 - 5 และปีหน้าคาดว่า จะเติบโตเท่ากับปีนี้อีกทั้งราคาน้ำมันที่ลดลงจะทำให้เงินเฟ้อที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้ปีหน้า 3 - 4 เปอร์เซ็นต์ น่าจะเป็นไปได้สูง แต่หากภาครัฐไม่มีมาตรการชัดเจน อัตราการเติบโตจะอยู่ที่เพียงร้อยละ 3 และตัวเลขการว่างงาน 1 ล้านคนเป็นไปได้สูง
นายธนวรรธน์ ยังเห็นด้วยกับการที่จะลดดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.5 - 1 ในขณะที่ผู้ประกอบการต้องการให้ลดลงร้อยละ 1 - 2 นอกจากนี้ให้รักษาอัตราระดับแลกเปลี่ยนที่ 35 - 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ดูแลราคาน้ำมันดีเซลให้อยู่ที่ 26 ต่อลิตร เร่งเบิกจ่ายงบ 1 แสนล้านบาท เร่งโครงการเมกะโปรเจกต์ และเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว
ทั้งนี้หากมาตรการทั้งหมดดำเนินการได้ จะทำให้จีดีพีปีนี้โตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 4.5 - 5 และปีหน้าคาดว่า จะเติบโตเท่ากับปีนี้อีกทั้งราคาน้ำมันที่ลดลงจะทำให้เงินเฟ้อที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้ปีหน้า 3 - 4 เปอร์เซ็นต์ น่าจะเป็นไปได้สูง แต่หากภาครัฐไม่มีมาตรการชัดเจน อัตราการเติบโตจะอยู่ที่เพียงร้อยละ 3 และตัวเลขการว่างงาน 1 ล้านคนเป็นไปได้สูง
