เครือข่ายองค์กรด้านเด็กและสตรีเพื่อติดตามตรวจสอบจริยธรรมทางเพศผู้บริหารระดับสูง ได้จัดเสวนาหัวข้อ “ย้อนรอย...เส้นทางการตรวจสอบข้าราชการระดับสูง...? ที่โรงแรมเวียงใต้ โดย น.พ.พลเดช ปิ่นประทีป อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า การแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง นายวัลลภ พลอยทับทิม ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดำเนินการด้วยความชอบธรรม
น.พ.พลเดช กล่าวอีกว่า คณะกรรมการชุดนั้นได้สรุปว่า บางเรื่องเป็นความผิดที่ดูยากและบางเรื่องก็เพียงบกพร่องในหน้าที่ มีเพียงประเด็นการทุจริตในสำนักงานธนานุเคราะห์ที่มีการประะเมินราคาทรัพย์ที่นำมาจำนำเกินจริง ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายเป็นจำนวนเงินถึง 40 ล้านบาท ที่คณะกรรมการฯ ระบุว่า มีมูลให้เห็นว่าเป็นการบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ส่วนการโยกย้ายข้าราชการในสังกัด พม.โดยมิชอบนั้น คณะกรรมการฯ มีหลักฐานยืนยันว่า น่าจะมีการซื้อขายตำแหน่งเกิดขึ้นด้วย เนื่องจากข้าราชการที่ใกล้ชิดของนายวัลลภมีเงินในบัญชีเคลื่อนไหวมากผิดปกติ
ด้านนางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านกาญจนาภิเษก และเครือข่ายองค์กรด้านเด็กและสตรีเพื่อติดตามตรวจสอบจริยธรรมทางเพศผู้บริหารระดับสูง กล่าวว่า แม้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี ผู้ลงนามยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงนายวัลลภ จะยืนยันว่า คำอุทธรณ์ของนายวัลลภฟังขึ้น แต่เครือข่ายเห็นว่าหลายประเด็นที่ถูกกล่าวหายังขับเคลื่อนต่อได้ โดยเฉพาะเรื่องจริยธรรมทางเพศ รวมทั้งบางข้อมูลมีความน่าสงสัยว่า อาจจะมีการซื้อขายตำแหน่ง เช่น กรณีข้าราชการระดับ 8 ซึ่งเป็นข้าราชการธรรมดาเพียงคนเดียวแต่มีบัญชีถึง 6 บัญชีที่มีเงินหมุนเวียนในบัญชีเป็นหลักแสนถึงหลักล้าน
นางทิชา กล่าวว่า เครือข่ายองค์กรด้านเด็กและสตรีฯ คงต้องเคลื่อนไหวต่อ โดยจะขอเข้าพบนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อขอให้มีการสอบสวนนายวัลลภใหม่ รวมทั้งทบทวนการกลับเข้ามารับตำแหน่งปลัดกระทรวงของนายวัลลภ นอกจากนี้ จะยื่นเอกสารข้อมูลให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบถึงความไม่ชอบมาพากลทางการเงินที่มีบัญชีเคลื่อนไหวผิดปกติ รวมทั้งมอบให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน นำไปสู่การอภิปรายในสภา รวมทั้งจะมอบข้อมูลให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วย พร้อมกับเสนอให้มีการจัดตั้งองค์กรภาคสังคมที่เข้มแข็ง เพื่อเป็นแหล่งรับข้อมูลและขับเคลื่อนต่อไป อย่างไรก็ตาม บทเรียนครั้งนี้ส่วนตัวเห็นว่า อย่าหวังอะไรกับการเมืองและข้าราชการประจำ แต่ภาคสังคมต้องเข้มแข็งและร่วมกันตรวจสอบ
ด้านนายปรีชา นิศารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักพิทักษ์ระบบคุณธรรม สำนักงานเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ตัวแทน ก.พ. ชี้แจงว่า เมื่อผลสรุปของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชี้ว่า ความผิดของนายวัลลภเป็นเพียงบกพร่อง ไม่ได้ชี้ว่าเป็นความผิดร้ายแรง ดังนั้น ก.พ.ต้องยุติการสอบสวนวินัยร้ายแรง กรณีนี้หากยังมีความเคลือบแคลงสงสัยก็เป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชาที่จะให้มีการสอบสวนตามที่เห็นควร โดยผู้บังคับบัญชาอาจจะสอบเอง สั่งให้บุคคลอื่นสอบ หรือตั้งคณะกรรมการสอบสวน ทั้งนี้ ก.พ.ต้องรักษามาตรฐานวินัย เพื่อความเป็นธรรมและป้องกันปัญหาการกลั่นแกล้งด้วย
น.พ.พลเดช กล่าวอีกว่า คณะกรรมการชุดนั้นได้สรุปว่า บางเรื่องเป็นความผิดที่ดูยากและบางเรื่องก็เพียงบกพร่องในหน้าที่ มีเพียงประเด็นการทุจริตในสำนักงานธนานุเคราะห์ที่มีการประะเมินราคาทรัพย์ที่นำมาจำนำเกินจริง ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายเป็นจำนวนเงินถึง 40 ล้านบาท ที่คณะกรรมการฯ ระบุว่า มีมูลให้เห็นว่าเป็นการบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ส่วนการโยกย้ายข้าราชการในสังกัด พม.โดยมิชอบนั้น คณะกรรมการฯ มีหลักฐานยืนยันว่า น่าจะมีการซื้อขายตำแหน่งเกิดขึ้นด้วย เนื่องจากข้าราชการที่ใกล้ชิดของนายวัลลภมีเงินในบัญชีเคลื่อนไหวมากผิดปกติ
ด้านนางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านกาญจนาภิเษก และเครือข่ายองค์กรด้านเด็กและสตรีเพื่อติดตามตรวจสอบจริยธรรมทางเพศผู้บริหารระดับสูง กล่าวว่า แม้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี ผู้ลงนามยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงนายวัลลภ จะยืนยันว่า คำอุทธรณ์ของนายวัลลภฟังขึ้น แต่เครือข่ายเห็นว่าหลายประเด็นที่ถูกกล่าวหายังขับเคลื่อนต่อได้ โดยเฉพาะเรื่องจริยธรรมทางเพศ รวมทั้งบางข้อมูลมีความน่าสงสัยว่า อาจจะมีการซื้อขายตำแหน่ง เช่น กรณีข้าราชการระดับ 8 ซึ่งเป็นข้าราชการธรรมดาเพียงคนเดียวแต่มีบัญชีถึง 6 บัญชีที่มีเงินหมุนเวียนในบัญชีเป็นหลักแสนถึงหลักล้าน
นางทิชา กล่าวว่า เครือข่ายองค์กรด้านเด็กและสตรีฯ คงต้องเคลื่อนไหวต่อ โดยจะขอเข้าพบนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อขอให้มีการสอบสวนนายวัลลภใหม่ รวมทั้งทบทวนการกลับเข้ามารับตำแหน่งปลัดกระทรวงของนายวัลลภ นอกจากนี้ จะยื่นเอกสารข้อมูลให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบถึงความไม่ชอบมาพากลทางการเงินที่มีบัญชีเคลื่อนไหวผิดปกติ รวมทั้งมอบให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน นำไปสู่การอภิปรายในสภา รวมทั้งจะมอบข้อมูลให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วย พร้อมกับเสนอให้มีการจัดตั้งองค์กรภาคสังคมที่เข้มแข็ง เพื่อเป็นแหล่งรับข้อมูลและขับเคลื่อนต่อไป อย่างไรก็ตาม บทเรียนครั้งนี้ส่วนตัวเห็นว่า อย่าหวังอะไรกับการเมืองและข้าราชการประจำ แต่ภาคสังคมต้องเข้มแข็งและร่วมกันตรวจสอบ
ด้านนายปรีชา นิศารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักพิทักษ์ระบบคุณธรรม สำนักงานเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ตัวแทน ก.พ. ชี้แจงว่า เมื่อผลสรุปของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชี้ว่า ความผิดของนายวัลลภเป็นเพียงบกพร่อง ไม่ได้ชี้ว่าเป็นความผิดร้ายแรง ดังนั้น ก.พ.ต้องยุติการสอบสวนวินัยร้ายแรง กรณีนี้หากยังมีความเคลือบแคลงสงสัยก็เป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชาที่จะให้มีการสอบสวนตามที่เห็นควร โดยผู้บังคับบัญชาอาจจะสอบเอง สั่งให้บุคคลอื่นสอบ หรือตั้งคณะกรรมการสอบสวน ทั้งนี้ ก.พ.ต้องรักษามาตรฐานวินัย เพื่อความเป็นธรรมและป้องกันปัญหาการกลั่นแกล้งด้วย
