สภาฯ จัดสัมมนาประมวลจริยธรรมนักการเมือง อดีตประธานรัฐสภา เตือน ส.ส.รุ่นน้องรู้จักละอายบาป อย่าเห็นเงินเป็นเรื่องใหญ่ ย้ำกฎแห่งกรรมมีจริง ด้าน “ทิชา” ติงประมวลจริยธรรมฯ ไม่มีโทษสำหรับ นักการเมืองคุกคามทางเพศ
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 13 มิ.ย. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการวิสามัญยกร่างข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ.... จัดสัมนา เรื่อง “จริยธรรมของนักการเมือง : ความลงตัวของความเป็นจริงทางสังคมและความคาดหวังของประชาชน” โดย พล.ต.บุญเอื้อ ประเสริฐสุวรรณ อดีตประธานรัฐสภา กล่าวบรรยายพิเศษ เรื่อง “จริยธรรมของนักการเมือง” ตอนหนึ่งว่า นักการเมืองต้องบังคับใจตัวเองไม่ให้โลภ เพราะเชื่อว่า ส.ส.ใหม่ล้วนมีจริยธรรมกันทุกคน แต่พอมีตำแหน่งหน้าที่ ไม่ว่าเลขานุการรัฐมนตรี หรือเป็นรัฐมนตรี ก็เปลี่ยนไปทำให้ลืมตัว สิ่งที่จะดึงไม้ให้เกิดความโลภได้ก็คือกรรมาธิการฯ จะต้องเน้นให้นักการเมืองมี “หิริโอตตัปปะ”คือความละอายและเกรงกลัวต่อบาป ในการที่จะกระทำทุจริตและความประพฤติมิชอบต่างๆ
“สถานการณ์ปัจจุบันทำให้ผมซึ่งเป็นนักการเมืองอาวุโส อยู่การเมืองมากว่า 40 ปี รู้สึกไม่สบายใจที่มีการตำหนิสถาบันสภาผู้แทนราษฎรกันมากเห็นแล้วก็อ่อนใจที่เห็นเงินเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็เชื่อว่านักการเมืองใหญ่ที่ทุจริตแม้จะรอดพ้นจากกฎหมาย แต่จะไม่รอดต่อกฎแห่งกรรม เพราะกฎหมายการเมืองไทยเหมือนใยแมงมุมดักได้ แม้กระทั่งสัตว์เล็กสัตว์น้อย ดังนั้นเชื่อว่าไม่นานเราก็จะได้เห็น” อดีตประธานรัฐสภา กล่าว
อดีตประธานรัฐสภา ยังเน้นว่า กรรมาธิการฯ ต้องแนะนำให้สภาฯ ทำการคัดเลือก ส.ส.ที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต ในทุกๆปีคัดให้เหลือปีละ1 คน เพื่อมอบโล่ เป็นขวัญและกำลังใจให้กับคนที่ซื่อสัตย์ ยกย่องความดี เพื่อให้คนอื่นๆปฏิบัติตามว่าทำดีแล้วมีคนยกย่อง นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ ส.ส.ในสภาทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ควรมีความสามัคคีและเคารพการทำหน้าที่และรู้จักให้อภัยซึ่งกันและกัน อย่าคิดแต่จะจ้องจับผิด คนอื่นเพียงฝ่ายเดียวและการทำอะไร “ปากดี”อย่างเดียวแต่จิตใจไม่ดี ก็นำพาบ้านเมืองไปไม่รอด อย่างไรก็ตามตนขอฝากให้ส.ส.สร้างความรัก ความสามัคคีเพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นสถาบันที่ได้รับการยอมรับสูงสุด เพื่อให้ประชาชนยกมือไหว้ได้อย่างสบายใจ
ด้าน นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน บ้านกาญจนาภิเษก กล่าวว่า นักการเมืองเป็นคนที่อาสาเข้ามาออกกฎหมาย เป็นกฎ กติกา ของบ้านเมือง การเข้ามาเป็นคนต้นแบบเป็นที่คาดหวังของสังคม จะมาแค่ฟอกเงิน ฟอกประวัติคงไม่เพียงพอ แต่ต้องฟอกความคิดและจิตวิญญาณ ดังนั้นนักการเมือง จึงต้องจ่ายค่าสังคมด้วยราคาแพงกว่าผู้ชาย ผู้หญิงทั่วๆ ไป เรื่องนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
สำหรับข้อบังคับประมวลจริยธรรมฯ ฉบับนี้ ตอบคำถามในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นได้ แต่พบว่ามีการกระพ่องกระแพ่งในพฤติกรรมทางเพศของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะมีเขียนในแค่ใน ข้อ 28 ว่า สมาชิกและกรรมาธิการต้องไม่มีพฤติกรรมคุกคามหรือระรานทางเพศต่อผู้ใด ตรงนี้ไม่ได้ตอบโจทย์ความเป็นจริงในสังคม เพราะปัจจุบันความไม่เสมอภาคด้านกฎหมายในด้านสิทธิเท่าเทียมชาย- หญิง ในการทำงาน กลายมาเป็นหลุมดำของสังคม เพราะทำให้ผู้หญิงบางคนมีพฤติกรรม “เต้าไต่” หรือ “ไต่เต้า” เพื่อให้มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่สูงขึ้น ซึ่งในประมวลกฎหมายฯ ไม่มีการเขียนถึงบทลงโทษอะไรกับนักการเมือง ที่มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ
นายณรงค์ โชควัฒนา นักธุรกิจอิสระ กล่าวว่า นักการเมืองต้องมีจิตสาธารณะ เข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง และเมื่อเข้ามามีตำแหน่ง มีความรับผิดชอบก็ควรทำหน้าที่การบริหารโดยใช้หลักธรรมาธิปไตย ยึดความถูกต้องเป็นหลักมากกว่ายึดตัวเองและพวกพ้อง
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 13 มิ.ย. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการวิสามัญยกร่างข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ.... จัดสัมนา เรื่อง “จริยธรรมของนักการเมือง : ความลงตัวของความเป็นจริงทางสังคมและความคาดหวังของประชาชน” โดย พล.ต.บุญเอื้อ ประเสริฐสุวรรณ อดีตประธานรัฐสภา กล่าวบรรยายพิเศษ เรื่อง “จริยธรรมของนักการเมือง” ตอนหนึ่งว่า นักการเมืองต้องบังคับใจตัวเองไม่ให้โลภ เพราะเชื่อว่า ส.ส.ใหม่ล้วนมีจริยธรรมกันทุกคน แต่พอมีตำแหน่งหน้าที่ ไม่ว่าเลขานุการรัฐมนตรี หรือเป็นรัฐมนตรี ก็เปลี่ยนไปทำให้ลืมตัว สิ่งที่จะดึงไม้ให้เกิดความโลภได้ก็คือกรรมาธิการฯ จะต้องเน้นให้นักการเมืองมี “หิริโอตตัปปะ”คือความละอายและเกรงกลัวต่อบาป ในการที่จะกระทำทุจริตและความประพฤติมิชอบต่างๆ
“สถานการณ์ปัจจุบันทำให้ผมซึ่งเป็นนักการเมืองอาวุโส อยู่การเมืองมากว่า 40 ปี รู้สึกไม่สบายใจที่มีการตำหนิสถาบันสภาผู้แทนราษฎรกันมากเห็นแล้วก็อ่อนใจที่เห็นเงินเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็เชื่อว่านักการเมืองใหญ่ที่ทุจริตแม้จะรอดพ้นจากกฎหมาย แต่จะไม่รอดต่อกฎแห่งกรรม เพราะกฎหมายการเมืองไทยเหมือนใยแมงมุมดักได้ แม้กระทั่งสัตว์เล็กสัตว์น้อย ดังนั้นเชื่อว่าไม่นานเราก็จะได้เห็น” อดีตประธานรัฐสภา กล่าว
อดีตประธานรัฐสภา ยังเน้นว่า กรรมาธิการฯ ต้องแนะนำให้สภาฯ ทำการคัดเลือก ส.ส.ที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต ในทุกๆปีคัดให้เหลือปีละ1 คน เพื่อมอบโล่ เป็นขวัญและกำลังใจให้กับคนที่ซื่อสัตย์ ยกย่องความดี เพื่อให้คนอื่นๆปฏิบัติตามว่าทำดีแล้วมีคนยกย่อง นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ ส.ส.ในสภาทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ควรมีความสามัคคีและเคารพการทำหน้าที่และรู้จักให้อภัยซึ่งกันและกัน อย่าคิดแต่จะจ้องจับผิด คนอื่นเพียงฝ่ายเดียวและการทำอะไร “ปากดี”อย่างเดียวแต่จิตใจไม่ดี ก็นำพาบ้านเมืองไปไม่รอด อย่างไรก็ตามตนขอฝากให้ส.ส.สร้างความรัก ความสามัคคีเพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นสถาบันที่ได้รับการยอมรับสูงสุด เพื่อให้ประชาชนยกมือไหว้ได้อย่างสบายใจ
ด้าน นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน บ้านกาญจนาภิเษก กล่าวว่า นักการเมืองเป็นคนที่อาสาเข้ามาออกกฎหมาย เป็นกฎ กติกา ของบ้านเมือง การเข้ามาเป็นคนต้นแบบเป็นที่คาดหวังของสังคม จะมาแค่ฟอกเงิน ฟอกประวัติคงไม่เพียงพอ แต่ต้องฟอกความคิดและจิตวิญญาณ ดังนั้นนักการเมือง จึงต้องจ่ายค่าสังคมด้วยราคาแพงกว่าผู้ชาย ผู้หญิงทั่วๆ ไป เรื่องนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
สำหรับข้อบังคับประมวลจริยธรรมฯ ฉบับนี้ ตอบคำถามในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นได้ แต่พบว่ามีการกระพ่องกระแพ่งในพฤติกรรมทางเพศของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะมีเขียนในแค่ใน ข้อ 28 ว่า สมาชิกและกรรมาธิการต้องไม่มีพฤติกรรมคุกคามหรือระรานทางเพศต่อผู้ใด ตรงนี้ไม่ได้ตอบโจทย์ความเป็นจริงในสังคม เพราะปัจจุบันความไม่เสมอภาคด้านกฎหมายในด้านสิทธิเท่าเทียมชาย- หญิง ในการทำงาน กลายมาเป็นหลุมดำของสังคม เพราะทำให้ผู้หญิงบางคนมีพฤติกรรม “เต้าไต่” หรือ “ไต่เต้า” เพื่อให้มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่สูงขึ้น ซึ่งในประมวลกฎหมายฯ ไม่มีการเขียนถึงบทลงโทษอะไรกับนักการเมือง ที่มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ
นายณรงค์ โชควัฒนา นักธุรกิจอิสระ กล่าวว่า นักการเมืองต้องมีจิตสาธารณะ เข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง และเมื่อเข้ามามีตำแหน่ง มีความรับผิดชอบก็ควรทำหน้าที่การบริหารโดยใช้หลักธรรมาธิปไตย ยึดความถูกต้องเป็นหลักมากกว่ายึดตัวเองและพวกพ้อง
