เครือข่ายองค์กรเด็กและสตรีฯ เผย “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ปฏิเสธไม่ให้เข้าพบ เพื่อแจงเหตุยกเลิกสอบวินัยร้ายแรงปลัด พม. อ้างไม่มีเวลา ขณะที่ “ชวรัตน์ ชาญวีรกูล” ระบุปลัด พม.ต้องเป็นผู้ที่ทุกฝ่ายยอมรับได้
นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านกาญจนาภิเษก ผู้แทนจากเครือข่ายองค์กรด้านเด็กและสตรี ติดตามตรวจสอบจริยธรรมทางเพศของผู้บริหารระดับสูง กล่าวว่า หลังจากเครือข่ายฯ มีข้อสรุปว่า จะเข้าพบนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้ลงนามยกเลิกคำสั่งยุติการสอบสวนวินัยร้ายแรงนายวัลลภ พลอยทับทิม ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 11 มิถุนายนนี้ ทางเครือข่ายฯ ได้ติดต่อขอเข้าพบแล้ว แต่ได้รับการปฏิเสธโดยอ้างว่าไม่มีเวลาว่าง ทั้งนี้ การไม่ให้เข้าพบครั้งนี้ไม่อยากมองในแง่ร้ายว่านายสมชายไม่มีความตรงไปตรงมา และไม่อยากมองว่าผู้ใหญ่ชอบปกป้องกันเอง
นายทิชา กล่าวอีกว่า เครือข่ายฯ ยังคงยืนยันที่จะจัดเสวนา “ย้อนรอยเส้นทางการตรวจสอบข้าราชการระดับสูง” ในวันที่ 15 มิถุนายนนี้ที่สำนักงานกลางนักเรียนคริสเตียน โดยนำกรณีของนายวัลลภมาเป็นหัวข้อเสวนา และจะนำกรณีที่นายสมชาย ไม่ให้เข้าพบมาเป็นประเด็นเสวนาด้วย เพื่อตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดถึงไม่อนุญาตให้เครือข่ายฯ เข้าพบ โดยมี นพ.พลเดช ปิ่นประทีป อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง พม.ร่วมเสวนาด้วย นอกจากนี้ เครือข่ายฯ จะหารือกันเพื่อถามความคิดเห็นจากวงเสวนาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปด้วย
“หลังจากเครือข่ายฯ ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ มีข้าราชการระดับผู้ใหญ่หลายคนโทรศัพท์มาแสดงความคิดเห็นว่า แม้กฎหมายจะระบุว่า นายวัลลภไม่ผิด แต่นายวัลลภไม่มีความเหมาะสมที่จะกลับมาทำหน้าที่ เพราะงานของกระทรวง พม.เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับเด็กและผู้หญิง ซึ่งพฤติกรรมส่วนตัวบางอย่างของนายวัลลภ ไม่เหมาะสมกับงานของกระทรวงนี้” นางทิชา กล่าว
ทางด้าน น.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิสตรี มูลนิธิเพื่อนหญิง กล่าวว่า ตนและเครือข่ายฯ เคารพการตัดสินใจของนายสมชาย ที่ไม่ให้เข้าพบ ซึ่งไม่เป็นไร อย่างไรก็ตาม จากการพูดคุยกับข้าราชการผู้ใหญ่หลายคน กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการกระทำที่แปลกประหลาดของระบบราชการไทย
ส่วนนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.พม.ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่รับทราบคำสั่งยกเลิกดังกล่าว และไม่เคยพบกับนายวัลลภ ทั้งนี้เรื่องการสอบสวนเป็นสิ่งที่ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ ไม่เกี่ยวกับตน และขณะนี้ยังถือว่าตนเป็นบุคคลภายนอก เพราะยังไม่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณตน และยังไม่ได้เข้ากระทรวงเลย อย่างไรก็ตาม หากคำสั่งให้ยกเลิกการสอบสวนวินัยร้ายแรงและระบุนายวัลลภไม่ผิด ต้องดูว่ามีอะไรต้องพิจารณาต่อไปหรือไม่ อย่างไรก็ตามหลังจากเข้าพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนแล้วคาดว่า อาจจะเป็นสัปดาห์หน้าจะนำปัญหาดังกล่าวมาพิจารณา
“ขอยืนยันว่าเรื่องนี้อยู่ที่ข้อเท็จจริงและความถูกต้อง ถ้ามีความผิดก็ต้องว่ากันตามที่ผิด ถ้าไม่ผิดก็ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสม ผมต้องการมากอบกู้ชื่อเสียง พัฒนา พม.และแก้ปัญหาต่างๆ จะไม่ทำให้เกิดความเสียหายอย่างแน่นอน ผมมีประสบการณ์ด้านการบริหารมากว่า 50 ปี รู้ดีว่าจะบริหารงานอย่างไร ผมพิจารณาได้ว่าใครเหมาะสมหรือไม่ ปลัด พม.ต้องทำงานได้ ไม่โง่ และเป็นที่ยอมรับของทั้งคนในและคนนอกกระทรวง พม. กรณีของท่านวัลลภนั้น ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ผมจะยึดความถูกต้องเป็นหลัก” นายชวรัตน์ กล่าว
นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านกาญจนาภิเษก ผู้แทนจากเครือข่ายองค์กรด้านเด็กและสตรี ติดตามตรวจสอบจริยธรรมทางเพศของผู้บริหารระดับสูง กล่าวว่า หลังจากเครือข่ายฯ มีข้อสรุปว่า จะเข้าพบนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้ลงนามยกเลิกคำสั่งยุติการสอบสวนวินัยร้ายแรงนายวัลลภ พลอยทับทิม ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 11 มิถุนายนนี้ ทางเครือข่ายฯ ได้ติดต่อขอเข้าพบแล้ว แต่ได้รับการปฏิเสธโดยอ้างว่าไม่มีเวลาว่าง ทั้งนี้ การไม่ให้เข้าพบครั้งนี้ไม่อยากมองในแง่ร้ายว่านายสมชายไม่มีความตรงไปตรงมา และไม่อยากมองว่าผู้ใหญ่ชอบปกป้องกันเอง
นายทิชา กล่าวอีกว่า เครือข่ายฯ ยังคงยืนยันที่จะจัดเสวนา “ย้อนรอยเส้นทางการตรวจสอบข้าราชการระดับสูง” ในวันที่ 15 มิถุนายนนี้ที่สำนักงานกลางนักเรียนคริสเตียน โดยนำกรณีของนายวัลลภมาเป็นหัวข้อเสวนา และจะนำกรณีที่นายสมชาย ไม่ให้เข้าพบมาเป็นประเด็นเสวนาด้วย เพื่อตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดถึงไม่อนุญาตให้เครือข่ายฯ เข้าพบ โดยมี นพ.พลเดช ปิ่นประทีป อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง พม.ร่วมเสวนาด้วย นอกจากนี้ เครือข่ายฯ จะหารือกันเพื่อถามความคิดเห็นจากวงเสวนาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปด้วย
“หลังจากเครือข่ายฯ ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ มีข้าราชการระดับผู้ใหญ่หลายคนโทรศัพท์มาแสดงความคิดเห็นว่า แม้กฎหมายจะระบุว่า นายวัลลภไม่ผิด แต่นายวัลลภไม่มีความเหมาะสมที่จะกลับมาทำหน้าที่ เพราะงานของกระทรวง พม.เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับเด็กและผู้หญิง ซึ่งพฤติกรรมส่วนตัวบางอย่างของนายวัลลภ ไม่เหมาะสมกับงานของกระทรวงนี้” นางทิชา กล่าว
ทางด้าน น.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิสตรี มูลนิธิเพื่อนหญิง กล่าวว่า ตนและเครือข่ายฯ เคารพการตัดสินใจของนายสมชาย ที่ไม่ให้เข้าพบ ซึ่งไม่เป็นไร อย่างไรก็ตาม จากการพูดคุยกับข้าราชการผู้ใหญ่หลายคน กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการกระทำที่แปลกประหลาดของระบบราชการไทย
ส่วนนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.พม.ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่รับทราบคำสั่งยกเลิกดังกล่าว และไม่เคยพบกับนายวัลลภ ทั้งนี้เรื่องการสอบสวนเป็นสิ่งที่ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ ไม่เกี่ยวกับตน และขณะนี้ยังถือว่าตนเป็นบุคคลภายนอก เพราะยังไม่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณตน และยังไม่ได้เข้ากระทรวงเลย อย่างไรก็ตาม หากคำสั่งให้ยกเลิกการสอบสวนวินัยร้ายแรงและระบุนายวัลลภไม่ผิด ต้องดูว่ามีอะไรต้องพิจารณาต่อไปหรือไม่ อย่างไรก็ตามหลังจากเข้าพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนแล้วคาดว่า อาจจะเป็นสัปดาห์หน้าจะนำปัญหาดังกล่าวมาพิจารณา
“ขอยืนยันว่าเรื่องนี้อยู่ที่ข้อเท็จจริงและความถูกต้อง ถ้ามีความผิดก็ต้องว่ากันตามที่ผิด ถ้าไม่ผิดก็ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสม ผมต้องการมากอบกู้ชื่อเสียง พัฒนา พม.และแก้ปัญหาต่างๆ จะไม่ทำให้เกิดความเสียหายอย่างแน่นอน ผมมีประสบการณ์ด้านการบริหารมากว่า 50 ปี รู้ดีว่าจะบริหารงานอย่างไร ผมพิจารณาได้ว่าใครเหมาะสมหรือไม่ ปลัด พม.ต้องทำงานได้ ไม่โง่ และเป็นที่ยอมรับของทั้งคนในและคนนอกกระทรวง พม. กรณีของท่านวัลลภนั้น ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ผมจะยึดความถูกต้องเป็นหลัก” นายชวรัตน์ กล่าว