นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านบริหารการเลือกตั้ง ยืนยันการพิจารณาลงมติชี้ขาดสำนวนซื้อเสียงเลือกตั้งเชียงรายของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในวันนี้( 26 ก.พ.) ส่วนตัวเห็นว่าสามารถลงมติได้ทันที เพราะเรื่องดังกล่าวยืดเยื้อมาสมควร และการสอบปากคำก็ครบถ้วนแล้ว คงไม่จำเป็นต้องสอบปากคำพยานเพิ่ม เพราะที่นายยงยุทธ ขอสอบปากคำเพิ่มก็ส่งมาแล้ว ดังนั้น ยืนยันว่าการลงมติจะยึดตามข้อเท็จจริง ไม่นำประเด็นการเมืองมาเกี่ยวข้องกับการวินิจฉัย เนื่องจากไม่ได้อยู่ในอำนาจของ กกต.
"เท่าที่ดูมีการสอบพยานทั้ง 2 ฝ่ายครบถ้วนแล้ว ทั้งฝ่ายผู้กล่าวหาและผู้ถูกคัดค้าน เหลือเพียงขั้นตอนการวินิจฉัยเท่านั้น ส่วนตัวที่ได้อ่านสำนวนสอบสวนที่ส่งมามีเอกสารหลายร้อยหน้า คิดว่าการประชุมในวันนี้ ( 26 ก.พ.) น่าจะวินิจฉัยกันได้ ซึ่งสำหรับตัวเองยังไม่มีในใจว่าจะตัดสินอย่างไร เพียงแต่มองว่าพยานหลักฐานเพียงพอครบถ้วนไม่ต้องสอบเพิ่มแล้ว แต่ก็ต้องดูกรรมการอีก 4 คนด้วย โดยการพิจารณาวินิจฉัยจะยึดพยานหลักฐานเป็นสำคัญ เรื่องการเมืองคงไม่เอามาเป็นประเด็นในการพิจารณา เพราะเรื่องการเมืองจะต้องแก้ไขกันไป เนื่องจากอยู่นอกเหนืออำนาจที่กกต.จะไปพิจารณา" นายประพันธ์ กล่าว
นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวถึงกรณีที่ กกต.จะพิจารณาสำนวนร้องเรียนนายยงยุทธ ว่า ได้รับผลสรุปสำนวนจากอนุกรรมการสอบสวนแล้ว แต่ขอไม่แสดงความคิดเห็นจนกว่าจะได้นำเข้าที่ประชุมกกต. ส่วนการลงมติกรณีดังกล่าว ใช้แค่เสียงข้างมาก ซึ่งสามารถลงมติ 3 ใน 5 เสียง เพื่อให้ผลออกมาเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งได้ โดยไม่ต้องใช้มติ 4 ใน 5 เนื่องจากขณะนี้ เป็นการลงมติวินิจฉัยหลังจากประกาศผลการเลือกตั้งไปแล้ว ทั้งนี้เป็นไปตาม มาตรา 8 วรรค 2 ของ พ.ร.บ. กกต.
**แฉพยานคดี"ยุทธตู่เย็น"ถูกขู่
นายถาวร เสนเนียม รมช. มหาดไทย (เงา) ของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ กกต. จะประชุมวินิจฉัยคดีที่ นายยงยุทธ ถูกฟ้องว่าใช้เงินซื้อเสียง โดยจ่ายเงินให้กับ กำนันคนละ 2,000 บาท ที่จะมีขึ้นในวันนี้ ว่า หาก กกต. ได้พิจารณาให้เสร็จในระยะเวลาที่สำนวนถึงมือ ก็คิดว่าน่าจะเสร็จได้ แต่อย่างไรก็ตามในช่วงวันนี้ ตนได้รับแจ้งจากผู้ที่ทำหน้าที่อยู่ในจ.เชียงรายว่า กำนันชัยวัฒน์ และลูก ถูกข่มขู่ และทหารพรานที่ให้ความปลอดภัยกับกำนันชัยวัฒน์ จากกรมทหารพรานที่ 31 ก็ถูกเรียกตัวกลับ นอกจากนี้ พ.อ.ธนัชย์ ปัญญา ปฏิบัติหน้าที่รองผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายทหาร ของจ.เชียงราย ก็ถูกกองทัพภาคที่ 3 มีวิทยุ ขอตัวกลับ และให้สิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรองผู้ว่าราชการจังหวัดฝ่ายทหาร
"นั่นคือเรื่องที่เกิดขึ้น และสาเหตุที่ พ.อ.ธนัชย์ ถูกเรียกตัวกลับเพราะเป็นบุคคลที่ติดตามสอบสวนคดีนี้มาตั้งแต่ต้น ดังนั้นใครก็แล้วแต่ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะข้าราชการที่สกัดการซื้อสิทธิ ขายเสียง เกี่ยวกับเรื่องนี้จะถูกกระทำหรือขัดขวางไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมจึงแจ้งข่าวนี้ไปยัง กกต. ว่า ให้สดับตรับฟังเรื่องนี้ และเอาเรื่องนี้มาเป็นสาระสำคัญ" นายถาวรกล่าว
**แนะ"สมชัย"พบจิตแพทย์
ว่าที่ พ.ต.นิพนธ์ ซิ้มประยูร ผู้ร้องคัดค้านให้ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีว่าขาดคุณสมบัติดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนี้ว่า เป็นการสร้างความวุ่นวาย กวนน้ำให้ขุ่นว่า ในฐานะที่ตนเป็นนักกฎหมาย เมื่อเห็นว่ามีเรื่องไม่ถูกไม่ควร ก็ควรให้ตรวจสอบคุณสมบัติให้แน่ชัด โดยการยื่นให้กกต.ตรวจสอบครั้งนี้ ยืนยันว่าไม่มีอคติกับผู้ใด และไม่มีความเกี่ยวพันกับนักการเมืองคนใด
ทั้งนี้ ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 อนุ 5 ที่ว่าด้วยการขาดคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้าม ไม่ได้เขียนระบุความเป็นรัฐมนตรี ซึ่งขัดกับคุณสมบัติของรัฐมนตรี ที่ถือว่าเป็นข้อห้าม ตามมาตรา 174 อนุ 5 และ 6 แม้จะมีจากบทเฉพาะกาล มาตรา 298 วรรค 3 ก็ไม่ได้ยกเว้นไว้ให้ ดังนั้นเมื่อกฎหมายไม่เขียนไว้ชัดเจน จึงจำเป็นที่ กกต.จะต้องเป็นผู้ตรวจสอบ แม้ว่าจะไม่มีผู้ร้องคัดค้าน ในฐานะที่ กกต.พบว่ากฎหมายที่ปรากฏอยู่นี้ไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน ก็สามารถยื่นร้องต่อศาลได้เอง
"ผมยืนยันว่า การยื่นคำร้องคัดค้านคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรี ทำอย่างมีสติสัมปชัญญะ เพราะคนเขียนไม่ได้เอาจิตเขียน แต่เอาความรู้เขียน เมื่อผมได้รู้ข่าวว่า กกต.ท่านหนึ่ง พูดออกมาอย่างไม่ได้คิด ก็ต้องทำให้ผมถามกลับไปว่า คนพูดจำเป็นต้องไปพบจิตแพทย์หรือไม่ เพราะการพูดเช่นนี้ ถือว่าไม่เคารพคนอื่น และผมเพียงคนเดียว คงไม่สามารถทำให้บ้านเมืองวุ่นวายได้ กกต.ควรให้หลักคิดที่ฟังคนอื่นหน่อย ควรมีเหตุมีผล อย่าดูถูกประชาชน" ว่าที่ พ.ต.นิพนธ์ กล่าว
**เรียกสอบ"ยุทธ"พูดให้ร้ายกองทัพ
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านบริหารการเลือกตั้งกรณีที่ พล.อ.สมเจตต์ บุญถนอม อดีตผู้อำนวยการสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) ได้มีหนังสือร้องเรียน ขอให้สอบสวนเรื่องที่นายงยุทธ ติยะไพรัช พูดจาใส่ร้ายพาดพิงกองทัพ ที่ระบุว่ามีการใช้ปืนจ่อหัวผู้สมัครพรรคพลังประชาชนว่า ขณะนี้ อยู่ระหว่างการสอบสวนของคณะอนุกรรมการ โดยได้มีการเชิญ นายยงยุทธ มาให้ปากคำ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน และเรื่องนี้ยังไม่เคยนำเข้าที่ประชุม และยังไม่เคยมีมติให้ยกเลิกการสอบเหมือนที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้ติดต่อทางโทรศัพท์ ถึงนายยงยุทธ เพื่อสอบถามกรณีที่จะเดินทางมาให้ปากคำกรณี ที่ได้พูดพาดพิงถึงกองทัพ ปรากฎว่าเลขาฯนายยงยุทธ เป็นผู้รับสาย โดยยืนยันว่า นายยงยุทธ ยังไม่ได้รับหนังสือเชิญจากกกต. จึงยังไม่ได้เดินทางเข้าไปให้ปากคำ แต่อย่างใด
ด้านนายถวิล อินทรรักษา ประธานอนุกรรมการสอบสวนสอบข้อเท็จจริง สำนวนที่ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ร้องคัดค้านนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร กรณีกล่าวพาดพิงกองทัพ กล่าวว่า การร้องคัดค้านดังกล่าวมีประมาณ 5-6 ประเด็น ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ส่วนความคืบหน้าของการสืบสวนสอบสวนขณะนี้ได้สอบสวนพยานไปแล้ว 4-5 ปาก แต่ยังสอบพยานไม่หมด โดยต้องสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องกับนายยงยุทธ อีก คาดว่าจะมีอีกประมาณ 3-4 ปาก ซึ่งรายละเอียดก็ไม่สามารถเปิดเผยได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะสรุปสำนวนส่ง กกต.ได้ในเร็วๆ นี้
"เราแจ้งคุณยงยุทธ ให้มาให้ข้อมูลกับอนุกรรมการฯ ในฐานะผู้ถูกร้องคัดค้านแล้ว ในวันนี้ (25ก.พ.) เวลา10.00 น. แต่เขามีหนังสือแจ้งมาว่า ขอเลื่อนนัด เนื่องจาก ไม่รู้ว่าต้องมาในฐานะอะไร ซึ่งก็จะต้องแจ้งไปอีกครั้งเพราะเขาอาจจะไม่เข้าใจว่าต้องมาในฐานะพยาน หรือผู้ถูกร้องคัดค้าน"
-------------
"เท่าที่ดูมีการสอบพยานทั้ง 2 ฝ่ายครบถ้วนแล้ว ทั้งฝ่ายผู้กล่าวหาและผู้ถูกคัดค้าน เหลือเพียงขั้นตอนการวินิจฉัยเท่านั้น ส่วนตัวที่ได้อ่านสำนวนสอบสวนที่ส่งมามีเอกสารหลายร้อยหน้า คิดว่าการประชุมในวันนี้ ( 26 ก.พ.) น่าจะวินิจฉัยกันได้ ซึ่งสำหรับตัวเองยังไม่มีในใจว่าจะตัดสินอย่างไร เพียงแต่มองว่าพยานหลักฐานเพียงพอครบถ้วนไม่ต้องสอบเพิ่มแล้ว แต่ก็ต้องดูกรรมการอีก 4 คนด้วย โดยการพิจารณาวินิจฉัยจะยึดพยานหลักฐานเป็นสำคัญ เรื่องการเมืองคงไม่เอามาเป็นประเด็นในการพิจารณา เพราะเรื่องการเมืองจะต้องแก้ไขกันไป เนื่องจากอยู่นอกเหนืออำนาจที่กกต.จะไปพิจารณา" นายประพันธ์ กล่าว
นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวถึงกรณีที่ กกต.จะพิจารณาสำนวนร้องเรียนนายยงยุทธ ว่า ได้รับผลสรุปสำนวนจากอนุกรรมการสอบสวนแล้ว แต่ขอไม่แสดงความคิดเห็นจนกว่าจะได้นำเข้าที่ประชุมกกต. ส่วนการลงมติกรณีดังกล่าว ใช้แค่เสียงข้างมาก ซึ่งสามารถลงมติ 3 ใน 5 เสียง เพื่อให้ผลออกมาเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งได้ โดยไม่ต้องใช้มติ 4 ใน 5 เนื่องจากขณะนี้ เป็นการลงมติวินิจฉัยหลังจากประกาศผลการเลือกตั้งไปแล้ว ทั้งนี้เป็นไปตาม มาตรา 8 วรรค 2 ของ พ.ร.บ. กกต.
**แฉพยานคดี"ยุทธตู่เย็น"ถูกขู่
นายถาวร เสนเนียม รมช. มหาดไทย (เงา) ของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ กกต. จะประชุมวินิจฉัยคดีที่ นายยงยุทธ ถูกฟ้องว่าใช้เงินซื้อเสียง โดยจ่ายเงินให้กับ กำนันคนละ 2,000 บาท ที่จะมีขึ้นในวันนี้ ว่า หาก กกต. ได้พิจารณาให้เสร็จในระยะเวลาที่สำนวนถึงมือ ก็คิดว่าน่าจะเสร็จได้ แต่อย่างไรก็ตามในช่วงวันนี้ ตนได้รับแจ้งจากผู้ที่ทำหน้าที่อยู่ในจ.เชียงรายว่า กำนันชัยวัฒน์ และลูก ถูกข่มขู่ และทหารพรานที่ให้ความปลอดภัยกับกำนันชัยวัฒน์ จากกรมทหารพรานที่ 31 ก็ถูกเรียกตัวกลับ นอกจากนี้ พ.อ.ธนัชย์ ปัญญา ปฏิบัติหน้าที่รองผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายทหาร ของจ.เชียงราย ก็ถูกกองทัพภาคที่ 3 มีวิทยุ ขอตัวกลับ และให้สิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรองผู้ว่าราชการจังหวัดฝ่ายทหาร
"นั่นคือเรื่องที่เกิดขึ้น และสาเหตุที่ พ.อ.ธนัชย์ ถูกเรียกตัวกลับเพราะเป็นบุคคลที่ติดตามสอบสวนคดีนี้มาตั้งแต่ต้น ดังนั้นใครก็แล้วแต่ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะข้าราชการที่สกัดการซื้อสิทธิ ขายเสียง เกี่ยวกับเรื่องนี้จะถูกกระทำหรือขัดขวางไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมจึงแจ้งข่าวนี้ไปยัง กกต. ว่า ให้สดับตรับฟังเรื่องนี้ และเอาเรื่องนี้มาเป็นสาระสำคัญ" นายถาวรกล่าว
**แนะ"สมชัย"พบจิตแพทย์
ว่าที่ พ.ต.นิพนธ์ ซิ้มประยูร ผู้ร้องคัดค้านให้ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีว่าขาดคุณสมบัติดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนี้ว่า เป็นการสร้างความวุ่นวาย กวนน้ำให้ขุ่นว่า ในฐานะที่ตนเป็นนักกฎหมาย เมื่อเห็นว่ามีเรื่องไม่ถูกไม่ควร ก็ควรให้ตรวจสอบคุณสมบัติให้แน่ชัด โดยการยื่นให้กกต.ตรวจสอบครั้งนี้ ยืนยันว่าไม่มีอคติกับผู้ใด และไม่มีความเกี่ยวพันกับนักการเมืองคนใด
ทั้งนี้ ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 อนุ 5 ที่ว่าด้วยการขาดคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้าม ไม่ได้เขียนระบุความเป็นรัฐมนตรี ซึ่งขัดกับคุณสมบัติของรัฐมนตรี ที่ถือว่าเป็นข้อห้าม ตามมาตรา 174 อนุ 5 และ 6 แม้จะมีจากบทเฉพาะกาล มาตรา 298 วรรค 3 ก็ไม่ได้ยกเว้นไว้ให้ ดังนั้นเมื่อกฎหมายไม่เขียนไว้ชัดเจน จึงจำเป็นที่ กกต.จะต้องเป็นผู้ตรวจสอบ แม้ว่าจะไม่มีผู้ร้องคัดค้าน ในฐานะที่ กกต.พบว่ากฎหมายที่ปรากฏอยู่นี้ไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน ก็สามารถยื่นร้องต่อศาลได้เอง
"ผมยืนยันว่า การยื่นคำร้องคัดค้านคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรี ทำอย่างมีสติสัมปชัญญะ เพราะคนเขียนไม่ได้เอาจิตเขียน แต่เอาความรู้เขียน เมื่อผมได้รู้ข่าวว่า กกต.ท่านหนึ่ง พูดออกมาอย่างไม่ได้คิด ก็ต้องทำให้ผมถามกลับไปว่า คนพูดจำเป็นต้องไปพบจิตแพทย์หรือไม่ เพราะการพูดเช่นนี้ ถือว่าไม่เคารพคนอื่น และผมเพียงคนเดียว คงไม่สามารถทำให้บ้านเมืองวุ่นวายได้ กกต.ควรให้หลักคิดที่ฟังคนอื่นหน่อย ควรมีเหตุมีผล อย่าดูถูกประชาชน" ว่าที่ พ.ต.นิพนธ์ กล่าว
**เรียกสอบ"ยุทธ"พูดให้ร้ายกองทัพ
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านบริหารการเลือกตั้งกรณีที่ พล.อ.สมเจตต์ บุญถนอม อดีตผู้อำนวยการสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) ได้มีหนังสือร้องเรียน ขอให้สอบสวนเรื่องที่นายงยุทธ ติยะไพรัช พูดจาใส่ร้ายพาดพิงกองทัพ ที่ระบุว่ามีการใช้ปืนจ่อหัวผู้สมัครพรรคพลังประชาชนว่า ขณะนี้ อยู่ระหว่างการสอบสวนของคณะอนุกรรมการ โดยได้มีการเชิญ นายยงยุทธ มาให้ปากคำ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน และเรื่องนี้ยังไม่เคยนำเข้าที่ประชุม และยังไม่เคยมีมติให้ยกเลิกการสอบเหมือนที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้ติดต่อทางโทรศัพท์ ถึงนายยงยุทธ เพื่อสอบถามกรณีที่จะเดินทางมาให้ปากคำกรณี ที่ได้พูดพาดพิงถึงกองทัพ ปรากฎว่าเลขาฯนายยงยุทธ เป็นผู้รับสาย โดยยืนยันว่า นายยงยุทธ ยังไม่ได้รับหนังสือเชิญจากกกต. จึงยังไม่ได้เดินทางเข้าไปให้ปากคำ แต่อย่างใด
ด้านนายถวิล อินทรรักษา ประธานอนุกรรมการสอบสวนสอบข้อเท็จจริง สำนวนที่ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ร้องคัดค้านนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร กรณีกล่าวพาดพิงกองทัพ กล่าวว่า การร้องคัดค้านดังกล่าวมีประมาณ 5-6 ประเด็น ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ส่วนความคืบหน้าของการสืบสวนสอบสวนขณะนี้ได้สอบสวนพยานไปแล้ว 4-5 ปาก แต่ยังสอบพยานไม่หมด โดยต้องสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องกับนายยงยุทธ อีก คาดว่าจะมีอีกประมาณ 3-4 ปาก ซึ่งรายละเอียดก็ไม่สามารถเปิดเผยได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะสรุปสำนวนส่ง กกต.ได้ในเร็วๆ นี้
"เราแจ้งคุณยงยุทธ ให้มาให้ข้อมูลกับอนุกรรมการฯ ในฐานะผู้ถูกร้องคัดค้านแล้ว ในวันนี้ (25ก.พ.) เวลา10.00 น. แต่เขามีหนังสือแจ้งมาว่า ขอเลื่อนนัด เนื่องจาก ไม่รู้ว่าต้องมาในฐานะอะไร ซึ่งก็จะต้องแจ้งไปอีกครั้งเพราะเขาอาจจะไม่เข้าใจว่าต้องมาในฐานะพยาน หรือผู้ถูกร้องคัดค้าน"
-------------