ปธ.สภาฯ คุยโวจะเร่งฟื้นสัมพันธ์สมัชชาสหภาพรัฐสภา หลังถูกแขวนเหตุทำรัฐประหารไฟเขียว ฝ่ายค้าน ยื่นญัตติถาม “สมัคร” กรณี 6 ตุลาฯ พร้อมให้ข้อมูล กกต.กรณีถูกกองทัพกล่าวหา
วันนี้ (22 ก.พ.) นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้การรับรองนาย David Price สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอาวุโสของสหรัฐอเมริกาและคณะ ใช้เวลาหารือประมาณ 1ชั่วโมง นายยงยุทธ เปิดเผยภายหลังการเข้าพบครั้งนี้ ว่า เป็นการพบตามปกติที่มีรัฐบาลใหม่ซึ่งสาระการพูดคุยเน้นไปทางประวัติศาสตร์ที่ประเทศไทยกับสหรัฐฯได้ร่วมงานกัน และความสัมพันธ์จะมีต่อไปในอนาคต อันได้แก่ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทางการเมือง การใช้เทคโนโลยีในสภาต่างๆ เป็นต้น
นายยงยุทธ กล่าวว่า ยังมีการหารือการพัฒนาการเมืองกาในประเทศพม่า ซึ่งตนได้ชี้แจงว่าในฐานะที่ทำงานทางนิติบัญญัติจะไม่พูดเรื่องนโยบาย แต่ความเห็นส่วนตัว คิดว่า สิ่งสำคัญที่สุดในบ้านเมืองขณะนี้การที่ไทยแซงชัน หรือเพิกเฉยต่อรัฐบาลพม่าท้ายที่สุด คนที่ได้รับผลกระทบ คือ ประชาชนที่กลายเป็นเหยื่อ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุดประชาคมโลก คือ ทำให้เห็นว่าการพัฒนาให้อยู่ดีมีสุขไม่ใช่เรื่องการเมืองอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การให้โอกาสประชาชน ซึ่งตนเห็นว่ารัฐบาลนี้คงจะมีการพัฒนาความร่วมมือด้านต่างๆ กับประเทศพม่าเช่นกันที่จะทำให้เกิดความปรองดองโดยใช้ระบบภาคี ที่เป็นประเทศรอบๆ อาทิ ประเทศอินเดีย และ จีน ซึ่งสหรัฐจะต้องสร้างความร่วมมือในระดับนี้ด้วย
นายงยุทธ กล่าวว่า หลังการรัฐประหาร ประเทศไทยตกอยู่ในสภาวะถูกแขวนในสมัชชาสหภาพรัฐสภา (ไอพียู) ทำให้ไม่สามารถเข้าประชุมได้ ซึ่งในตนจะรื้อฟื้นความสัมพันธ์ในอดีตขึ้นมาใหม่โดยจะเข้าร่วมประชุมที่จะจัดขึ้นในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ และขอความเห็นใจ ให้ประเทศไทยกลับสู่สถานะเดิม ไม่ถูกแขวนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาคมโลก
นายยงยุทธ ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านเตรียมยื่นกระทู้ถามสด นายสมัคร ถึงความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 นายยงยุทธ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้ ซึ่งวันนี้หากสมาชิกรัฐสภาได้ให้ความร่วมมืออย่างดีต่อกัน ก็จะทำให้การประชุมสภาเป็นไปด้วยดี ทั้งนี้ ตนขอขอบคุณสมาชิกในการประชุมที่ผ่านมา ที่บรรยากาศเป็นไปด้วยดี การประท้วงต่างๆเป็นเพียงทัศนะของบุคคลเท่านั้น ไม่ใช่ความเห็นขององค์กร อย่างไรก็ตามการวินิจฉัยว่าจะบรรจุอยู่ในวาระระเบียบการประชุมหรือไม่นั้น ตนได้แบ่งงานให้รองประธานทั้ง 2 คนเป็นผู้ดำเนินการพิจารณา
เมื่อถามต่อว่า กระทู้ของพรรคฝ่ายค้านจะเข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลหรือไม่ นายงยุทธ กล่าวว่า ต้องไปถามรองประธานสภาถ้าอยู่ในเกณฑ์ หรือเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจประชาชนก็สามารถบรรจุเป็นวาระได้ เรื่องอะไรเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองอยู่ในหลักในเกณฑ์ ก็ทำได้ ไม่ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งก็ทำได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่อยู่ในเกณฑ์การบริหารราชการแผ่นดิน ก็มาดูกัน
ส่วนจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ตนไม่ขอขยายความต่อ เพราะหากพูดไปก็เป็นประเด็นที่แตกแยก ซึ่งการทำหน้าที่ประธานรัฐสภาคือ การรับหรือไม่รับเท่านั้น ส่วนทัศนคติต่างๆ จะไปพูดเกินเลยไม่ได้ ให้เป็นหน้าที่ของผู้ฟังและประชาชน
เมื่อถามถึงรายงานข่าวจาก กกต.ที่ระบุว่า จะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กระทรวงกลาโหม ยื่นคำร้องกรณี นายงยุทธ ได้ปราศรัยว่า ถูกนายทหารและกองทัพคุกคาม เป็นเหตุให้กองทัพเสื่อมเสีย นายยงยุทธ กล่าวว่า ตนไม่ขอพูดในเรื่องข้อกล่าวหา เรื่องข้อกล่าวหาตนโดนหลายข้อกล่าวหา ซึ่งมีการฟ้องร้องโดยเพื่อนทหาร ก็เป็นที่รู้กันอยู่ว่าตนเป็นเป้า ทั้งนี้ หากบ้านเมืองสงบแล้ว ตนจะไม่มองไปข้างหลังแต่จะมองไปแต่ข้างหน้า เป็นเรื่องที่ฟ้องร้องต่อเนื่องกันมา ไม่เป็นไร ซึ่ง กกต.สั่งให้ไปให้ข้อมูล ตนก็จะไป ทั้งนี้เท่าที่ทราบมีอีกประมาณ 8 ข้อกล่าวหาที่ตนต้องชี้แจงไปเรื่อยๆ
นายยงยุทธ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวว่าจะเดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประเทศจีน เพื่อหาทางออกหาก กกต.จะให้ใบแดง ว่า “เป็นเพียงข่าวปล่อย ถ้าจะไปวันไหนแล้ว ผมจะโทร.บอก จะให้โทรศัพท์ไปแจ้งที่ไหน”
