นางจรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยผลการประชุมของคณะทำงานจัดทำแผนและมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา ว่า จะดำเนินการต่อยอดโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตครูที่ สกสค. ดำเนินการร่วมกับธนาคารออมสิน ซึ่งข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา มีครูเข้าร่วมโครงการพัฒนาชีวิตครูจำนวน 88,8827 คน มีเงินออม 448 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อที่ธนาคารออมสินอนุมัติให้ 77,028.27 ล้านบาท หรือเฉลี่ยรายละ 50,000 บาท ซึ่งแนวทางการแก้ปัญหาใหม่นี้เรียกว่าโครงการคุณภาพชีวิตครูสู่เศรษฐกิจพอเพียง
มีหลักการที่สำคัญ คือ จะรวมหนี้สินที่มีอยู่เดิมเป็นกองทุนเดียว โดยจัดตั้งกองทุนดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันของผู้เป็นหนี้เป็นเงินกองทุน และจะให้ครูมีอาชีพเสริมที่เหมาะสมกับอาชีพครูเพื่อเพิ่มรายได้ ควบคู่กับการลดรายจ่ายโดยสร้างวินัยการเงิน และจะต้องประสานกรมส่งเสริมสหกรณ์และออกระเบียบ เพื่อกำกับการปล่อยกู้ให้เข้มงวดมากขึ้น
นอกจากนี้ จะเสนอของบประมาณจำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อเป็นกองทุนช่วยเหลือครูที่มีหนี้สาหัส ต้องได้รับการเยียวยา 10,000 คน ซึ่งยืนยันว่าไม่ใช่การใช้หนี้แทนครู แต่ครูต้องทำงานแลกกับเงินที่จะได้รับ นอกจากนี้ จะกำหนดมาตรลงโทษสำหรับผู้ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขด้วย โดยอาจจะแจ้งชื่อไปยังเครดิตบูโร ไม่ให้กู้เงินจากสถาบันการเงินได้อีกตลอดชีวิต
ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า การแก้ปัญหารูปแบบใหม่นี้ จะเน้นการหลุดพ้นอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะคนที่เป็นหนี้ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ต้องได้รับการแก้ไข ส่วนครูที่บรรจุใหม่ต้องไม่สร้างหนี้โดยจะสร้างความมั่นคงแก่ชีวิตครูยุคใหม่ให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งนี้ คณะทำงานจะได้นำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อพิจารณาเห็นชอบ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณเพื่อดำเนินการต่อไป
มีหลักการที่สำคัญ คือ จะรวมหนี้สินที่มีอยู่เดิมเป็นกองทุนเดียว โดยจัดตั้งกองทุนดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันของผู้เป็นหนี้เป็นเงินกองทุน และจะให้ครูมีอาชีพเสริมที่เหมาะสมกับอาชีพครูเพื่อเพิ่มรายได้ ควบคู่กับการลดรายจ่ายโดยสร้างวินัยการเงิน และจะต้องประสานกรมส่งเสริมสหกรณ์และออกระเบียบ เพื่อกำกับการปล่อยกู้ให้เข้มงวดมากขึ้น
นอกจากนี้ จะเสนอของบประมาณจำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อเป็นกองทุนช่วยเหลือครูที่มีหนี้สาหัส ต้องได้รับการเยียวยา 10,000 คน ซึ่งยืนยันว่าไม่ใช่การใช้หนี้แทนครู แต่ครูต้องทำงานแลกกับเงินที่จะได้รับ นอกจากนี้ จะกำหนดมาตรลงโทษสำหรับผู้ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขด้วย โดยอาจจะแจ้งชื่อไปยังเครดิตบูโร ไม่ให้กู้เงินจากสถาบันการเงินได้อีกตลอดชีวิต
ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า การแก้ปัญหารูปแบบใหม่นี้ จะเน้นการหลุดพ้นอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะคนที่เป็นหนี้ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ต้องได้รับการแก้ไข ส่วนครูที่บรรจุใหม่ต้องไม่สร้างหนี้โดยจะสร้างความมั่นคงแก่ชีวิตครูยุคใหม่ให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งนี้ คณะทำงานจะได้นำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อพิจารณาเห็นชอบ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณเพื่อดำเนินการต่อไป
