ธ.กรุงไทย ประกาศล้างหนี้ เอ็นพีแอล ไตรมาส 2 เหลือแค่ 8% "เคทีซี" ลั่นขยายสินเชื่อรากหญ้า ระดับรายได้ 8,000-10,000 บาท อ้างผลสำรวจลูกค้ากลุ่มนี้มีวินัยในการชำระเงินสูง
วันนี้(12 พ.ค.) นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เปิดเผยว่า ปัจจุบันธนาคารได้ทำการปรับโครงสร้างหนี้กับลูกค้ารายใหญ่มูลหนี้ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งขั้นตอนปัจจุบันได้มีการอนุมัติไปแล้วเหลือเพียงขั้นตอนการลงนาม ซึ่งหลังจากที่ปรับโครงสร้างหนี้จำนวนนี้ได้จะทำให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารลดลงไปประมาณ 1% จาก 9% กว่า เหลือ 8% กว่า ซึ่งจะมีผลในไตรมาสที่ 2 นี้
นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือเคทีซี เปิดเผยว่า แผนในครึ่งปีหลังจะเน้นทำตลาดสินเชื่อส่วนบุคคลในกลุ่มลูกค้าระดับล่างที่มีรายได้ต่อเดือน 8,000 ถึง 1,000 หมื่นบาท เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ได้ว่าจ้างให้บริษัท เอซี นีลเส็น จำกัด สำรวจข้อมูลพบว่าลูกค้ากลุ่มนี้มีวินัยในการชำระเงิน และมีความรู้เรื่องของเครดิตบูโร ซึ่งแต่ละเดือนจะมีลูกค้ากลุ่มนี้มาสมัครสินเชื่อบุคคลประมาณ 1 หมื่นราย
นายนิวัตต์ กล่าวว่า การที่เคทีซีลงมาเจาะลูกค้าในกลุ่มที่มีรายได้ 8,000-10,000 บาท ก็ต้องการให้คนรุ่นใหม่ ที่เริ่มเข้าตลาดแรงงาน สามารถใช้บริการสินเชื่อได้ ประกอบกับในปัจจุบันคนรุ่นใหม่มีความรู้เรื่องเครดิตบูโรเป็นอย่างดี ทำให้มีการรักษาเครดิต เพื่อใช้เป็นฐานในการกู้ซื้อบ้าน และกู้ซื้อรถต่อไป
นอกจากนี้ ผลการทดสอบตลาดพบว่า ในแต่ละเดือนมีลูกค้าสมัครใช้สินเชื่อบุคคล 10,000 ราย โดยเคทีซีอนุมัติสินเชื่อเพียง 20-30% ของใบสมัคร เนื่องจากลูกค้าในกลุ่มนี้ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยวงเงินที่อนุมัติจะอยู่ที่ 1.5 เท่าของรายได้ ดังนั้นถ้าเกิดหนี้เสียจะเป็นจำนวนที่น้อย ประกอบกับลูกค้าในกลุ่มนี้เคทีซีคิดอัตราดอกเบี้ย 28% ต่อปี ซึ่งถือว่าครอบคลุมกับหนี้เสียที่เกิดขึ้น
สำหรับสินเชื่อบุคคล ปัจจุบันเคทีซีมีพอร์ตอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อที่ปล่อยในกรุงเทพมหานครมีสัดส่วน 60% และอีก 40% เป็นสินเชื่อที่ปล่อยในต่างจังหวัด ขณะที่มีหนี้เสียของสินเชื่อบุคคลอยู่ที่ประมาณ 7% ของสินเชื่อ ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่รับได้ อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังเชื่อว่าจะทรงๆ ตัว แต่เคทีซียังจำเป็นต้องทำตลาดทั้งสินเชื่อบุคคลและบัตรเครดิตต่อไป เพราะหากไม่ทำตลาดก็จะทำให้ส่วนแบ่งตลาดลดลง