ช่วงเช้าที่ผ่านมา สมาคมผู้ประกอบการรถยนต์โดยสาร ที่มีนางสุจินดา เชิดชัย เป็นนายกสมาคม ได้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี เพื่อหารือผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ส่งผลต่อต้นทุนการเดินรถ หลังจากเมื่อวานนี้ กระทรวงคมนาคมได้ส่งสัญญาณไฟเขียวให้ผู้ประกอบการรถร่วมบริการสามารถปรับค่าโดยสาร เพื่อรองรับต้นทุนราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้น ในส่วนของรถร่วมบริการที่เป็นสมาชิกของสมาคม มีความเห็นร่วมกันที่จะขอให้ภาครัฐ โดยอาศัยอำนาจของคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง อนุมัติให้ผู้ประกอบการปรับค่าโดยสารรถร่วม บขส.อีก 9 สตางค์ต่อกิโลเมตร ตามข้อเรียกร้องที่สมาคมฯ เคยยื่นเสนอต่อกระทรวงคมนาคมไปแล้ว และเป็นไปตามสัญญาที่ผู้ประกอบการไม่ได้ปรับค่าโดยสารระหว่างเทศกาลสงกรานต์ เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้เดินทาง แต่หลังจากนี้คงเป็นเรื่องจำเป็นเพราะผู้ประกอบการหลายรายเริ่มทยอยหยุดเดินรถ หลังขาดทุนต่อเนื่อง โดยการอนุมัติให้ปรับราคานี้ สมาคมฯ ขอให้คณะกรรมการฯ อนุมัติโดยเร็วที่สุด และขอให้มีผลตั้งแต่ 11 พฤษภาคมนี้ เป็นต้นไป
ด้านนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง พรุ่งนี้ บขส.ก็ต้องการขอปรับค่าโดยสารด้วย โดยจะขอขึ้นค่าโดยสารอีก 3 สตางค์ต่อกิโลเมตร ซึ่งจะทำให้ค่าโดยสารไปอยู่ขั้นที่ 15 เท่ากับรถร่วมบริการ ก่อนที่จะอนุมัติให้ปรับราคา ซึ่งหากได้รับการปรับราคา บขส.จะสามารถลดผลขาดทุนเดือนละ 25 ล้านบาท ได้ประมาณร้อยละ 40 นอกจากนี้ บขส.มีแนวคิดที่จะเสนอรัฐบาลขอให้มีการตรึงราคาเอ็นจีวีที่กิโลกรัมละ 8.50 บาท ไปอีก 3 ปีจากเดิมสิ้นสุดปี 52 ซึ่งน่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้ในการเปลี่ยนเครื่องยนต์มากขึ้น
ด้านนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง พรุ่งนี้ บขส.ก็ต้องการขอปรับค่าโดยสารด้วย โดยจะขอขึ้นค่าโดยสารอีก 3 สตางค์ต่อกิโลเมตร ซึ่งจะทำให้ค่าโดยสารไปอยู่ขั้นที่ 15 เท่ากับรถร่วมบริการ ก่อนที่จะอนุมัติให้ปรับราคา ซึ่งหากได้รับการปรับราคา บขส.จะสามารถลดผลขาดทุนเดือนละ 25 ล้านบาท ได้ประมาณร้อยละ 40 นอกจากนี้ บขส.มีแนวคิดที่จะเสนอรัฐบาลขอให้มีการตรึงราคาเอ็นจีวีที่กิโลกรัมละ 8.50 บาท ไปอีก 3 ปีจากเดิมสิ้นสุดปี 52 ซึ่งน่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้ในการเปลี่ยนเครื่องยนต์มากขึ้น