นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ข้าราชการจะตั้งสหภาพ เพื่อปกป้องข้าราชการไม่ให้ถูกฝ่ายการเมืองโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรม ว่า ถือเป็นสิทธิของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่จะดำเนินการดังกล่าว แต่ต้องติงไว้ว่า ประเทศนี้ไม่ได้เป็นของข้าราชการ แต่เป็นของประชาชนที่ไม่เคยรับราชการ และไม่เคยมีญาติพี่น้องอยู่ในตระกูลรับราชการ ดังนั้น การทำให้เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นระดับชาติขึ้นมาจะต้องคิดให้ดี เพราะในปัจจุบันเราไม่ได้อยู่ในระบอบอมาตยาธิปไตย แต่อยู่ในระบอบประชาธิปไตย ที่แปลว่า ประชาชนเป็นศูนย์กลาง ดังนั้น ไม่ควรนำเรื่องการโยกย้ายข้าราชการไปพูดในภาพรวม เพราะกรณีที่เกิดขึ้นในกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมประชาสัมพันธ์ หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นเหตุผลคนละกรณีกัน เพียงแต่เกิดในห้วงเวลาเดียวกันเท่านั้น
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังฝากถึงนายกสมาคมข้าราชการพลเรือนแห่งประเทศไทย ว่า ขอให้ช่วยกรองข้าราชการให้เหลือข้าราชการที่ดีจำนวนมากเอาไว้รับใช้สังคม ไม่ให้ข้าราชการเล่นการเมือง หรือคิดที่จะได้รับประโยชน์จากการอิงแอบตัวเข้ากับรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นยุคเผด็จการหรือประชาธิปไตย ซึ่งสมาคมข้าราชการพลเรือนฯ จะช่วยได้มาก ส่วนการเสนอให้ออกพระราชกฤษฎีกา เพื่อตั้งสหภาพฯ นั้น ถือว่าไปไกลเกินไป ข้าราชการอยู่ภายใต้รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ การที่ต้องมีกฎหมายใด ๆ ออกมากำหนดความสัมพันธ์ระหว่างกัน ก็หมายความว่ามันแย่ลง จึงไม่ควรสื่อสารให้สังคมคิดว่าเกิดสงครามขึ้นแล้วระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายราชการ แต่ควรหาทางแก้ปัญหาด้วยการพูดคุยอย่างสงบ และสันติ ถือเป็นเรื่องดีที่สุด
รัฐมนตรีประจำสำนักนายก ฯ ยังเปิดเผยว่ายังไม่จำเป็นต้องตั้งสหภาพฯ และเชื่อว่าไม่มีใครผิดเพี้ยนถึงขั้นนั้น อาจเป็นการพูดด้วยอารมณ์ ความรู้สึก และคิดว่าข้าราชการใหญ่กว่าทุกคน ซึ่งถ้าคิดผิดก็คิดใหม่ได้ และหากทางสมาคมฯ เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาขึ้นมา ตนต้องดูก่อนว่าจะไปไกลถึงขั้นไหน เราไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้นในสังคม ถ้าไม่พอใจก็ควรใช้ช่องทางปกติในการพูดจากันได้
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังฝากถึงนายกสมาคมข้าราชการพลเรือนแห่งประเทศไทย ว่า ขอให้ช่วยกรองข้าราชการให้เหลือข้าราชการที่ดีจำนวนมากเอาไว้รับใช้สังคม ไม่ให้ข้าราชการเล่นการเมือง หรือคิดที่จะได้รับประโยชน์จากการอิงแอบตัวเข้ากับรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นยุคเผด็จการหรือประชาธิปไตย ซึ่งสมาคมข้าราชการพลเรือนฯ จะช่วยได้มาก ส่วนการเสนอให้ออกพระราชกฤษฎีกา เพื่อตั้งสหภาพฯ นั้น ถือว่าไปไกลเกินไป ข้าราชการอยู่ภายใต้รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ การที่ต้องมีกฎหมายใด ๆ ออกมากำหนดความสัมพันธ์ระหว่างกัน ก็หมายความว่ามันแย่ลง จึงไม่ควรสื่อสารให้สังคมคิดว่าเกิดสงครามขึ้นแล้วระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายราชการ แต่ควรหาทางแก้ปัญหาด้วยการพูดคุยอย่างสงบ และสันติ ถือเป็นเรื่องดีที่สุด
รัฐมนตรีประจำสำนักนายก ฯ ยังเปิดเผยว่ายังไม่จำเป็นต้องตั้งสหภาพฯ และเชื่อว่าไม่มีใครผิดเพี้ยนถึงขั้นนั้น อาจเป็นการพูดด้วยอารมณ์ ความรู้สึก และคิดว่าข้าราชการใหญ่กว่าทุกคน ซึ่งถ้าคิดผิดก็คิดใหม่ได้ และหากทางสมาคมฯ เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาขึ้นมา ตนต้องดูก่อนว่าจะไปไกลถึงขั้นไหน เราไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้นในสังคม ถ้าไม่พอใจก็ควรใช้ช่องทางปกติในการพูดจากันได้