นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวภายหลังนายฮิโรชิ ชิโมซูมา ประธานสมาพันธ์ธุรกิจเขตคันไซ ประเทศญี่ปุ่น เข้าพบว่า ทางคันไซต้องการทราบนโยบายปีแห่งการลงทุนในประเทศไทยที่กำหนดไว้ในปี 2551-2552 เนื่องจากต้องการเข้ามาลงทุนเพิ่มเติมในประเทศไทย เพราะในอนาคต ประเทศไทยและอาเซียนจะกลายเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย จะเกิดความคล่องตัวทั้งด้านการค้าและการลงทุนมากขึ้น นอกจากนี้ คันไซระบุว่า ยังดูลู่ทางลงทุนในประเทศอินโดนีเซียด้วย
นายสุวิทย์ กล่าวว่า ขณะนี้นักลงทุนญี่ปุ่นมั่นใจในประเทศไทย จึงต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ดังนั้นหลังจากนี้ไป ฝ่ายไทยจะได้ประสานให้เกิดความร่วมมือกับญี่ปุ่น ภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ (เจเทปป้า) โดยกระทรวงอุตสาหกรรมจะมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนประสานความร่วมมือกับเจโทร และเจซีซีของญี่ปุ่น ในการแก้ปัญหาให้นักลงทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย ซึ่งอุตสาหกรรมที่นักลงทุนญี่ปุ่นสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ได้แก่ เหล็ก ยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ขณะที่ประเทศไทยก็มีกองทุนในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจเหล่านี้อยู่ และการพัฒนาบุคลากร โดยทางคันไซแจ้งว่า พร้อมให้การสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมยังกล่าวถึงการเข้าพบของนายสุบามาเนียม รามาดอไร ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาทา คอนซัลแตนท์ซี เซอร์วิส บริษัทลงทุนด้านรถยนต์และเหล็กรายใหญ่ของอินเดีย ว่า ทางทาทาฯ สนใจที่จะเข้ามาลงทุนอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศไทย รวมถึงขยายไปสู่การลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์และไอที ซึ่งทาทาฯ เชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย จึงได้เข้ามาหาลู่ทางการลงทุน และมีความตั้งใจที่จะพัฒนาบุคลากรในประเทศไทยด้วย
สำหรับการลงทุนในปีนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมจะให้ความสำคัญกับนักลงทุน โดยจัดให้มีกองทุนพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันขึ้น และมีการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมของไทย เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้ โดยอุตสาหกรรมที่จะให้การส่งเสริม จะเน้นอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง เพราะสร้างมูลค่าเพิ่มได้มาก เช่น ซอฟต์แวร์ แต่จะไม่เน้นอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานมาก
นายสุวิทย์ กล่าวว่า ขณะนี้นักลงทุนญี่ปุ่นมั่นใจในประเทศไทย จึงต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ดังนั้นหลังจากนี้ไป ฝ่ายไทยจะได้ประสานให้เกิดความร่วมมือกับญี่ปุ่น ภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ (เจเทปป้า) โดยกระทรวงอุตสาหกรรมจะมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนประสานความร่วมมือกับเจโทร และเจซีซีของญี่ปุ่น ในการแก้ปัญหาให้นักลงทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย ซึ่งอุตสาหกรรมที่นักลงทุนญี่ปุ่นสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ได้แก่ เหล็ก ยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ขณะที่ประเทศไทยก็มีกองทุนในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจเหล่านี้อยู่ และการพัฒนาบุคลากร โดยทางคันไซแจ้งว่า พร้อมให้การสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมยังกล่าวถึงการเข้าพบของนายสุบามาเนียม รามาดอไร ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาทา คอนซัลแตนท์ซี เซอร์วิส บริษัทลงทุนด้านรถยนต์และเหล็กรายใหญ่ของอินเดีย ว่า ทางทาทาฯ สนใจที่จะเข้ามาลงทุนอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศไทย รวมถึงขยายไปสู่การลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์และไอที ซึ่งทาทาฯ เชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย จึงได้เข้ามาหาลู่ทางการลงทุน และมีความตั้งใจที่จะพัฒนาบุคลากรในประเทศไทยด้วย
สำหรับการลงทุนในปีนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมจะให้ความสำคัญกับนักลงทุน โดยจัดให้มีกองทุนพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันขึ้น และมีการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมของไทย เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้ โดยอุตสาหกรรมที่จะให้การส่งเสริม จะเน้นอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง เพราะสร้างมูลค่าเพิ่มได้มาก เช่น ซอฟต์แวร์ แต่จะไม่เน้นอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานมาก