ชวนทุกคนมาเปลี่ยนบรรยากาศท่องเที่ยวแบบเดิมๆ มาตะลุยเที่ยวกรุงเทพฯ ด้วยการโดยสาร “เรือด่วนเจ้าพระยา” มาสัมผัสบรรยากาศของสองฝั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา นั่งเรือสุดชิลรับลมเย็นๆ ให้ชื่นใจ มาดูกันว่าแต่ละท่าเรือมีสถานที่ไหนน่าสนใจบ้าง
เริ่มกันที่ท่าเรือแรกกันเลย “สาทร” สถานที่ท่องเที่ยวของท่าเรือแห่งนี้หลักๆ ก็คือ “ไอคอนสยาม” ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยสามารถมาต่อเรือบริการรับ-ส่ง ฟรีได้ที่นี่ นอกจากนี้ยังสามารถไปชมความงามของ “อาสนวิหารอัสสัมชัญ” เป็นโบสถ์ใหญ่และถือว่าเป็นอีกหนึ่งโบสถ์ที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในไทย ซึ่งสร้างขึ้นมานานกว่า 100 ปี มีสถาปัตยกรรมงดงาม ถ้าพูดถึงวัดเก่าแก่ในย่านนี้มี “วัดยานนาวา” เป็นวัดเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ในสมัยกรุงศรีอยุธยา สำหรับไฮไลต์ของวัดนี้คือ สำเภายานนาวา ที่มีความโดดเด่นมาแต่ไกล
มาต่อกันที่ “ราชวงศ์” ใครที่สายช้อป จะต้องไม่พลาดมาที่ท่าเรือนี้ เพราะที่นี่ถือเป็นศูนย์กลางนักท่องเที่ยวทั้งหลาย โดยไฮไลต์คือ “สำเพ็ง-พาหุรัด” ตลาดผ้าแห่งใหญ่ใจกลางกรุง รวมทั้งมีของเล่น กระเป๋า กิ๊ฟช้อป ตุ๊กตา เครื่องเขียน เครื่องประดับ ฯลฯ ให้เลือกซื้อมากมาย และยังมีมุมถ่ายรูปแนวสตรีทของตึกรามบ้านช่อง ที่มีความเก่าแก่สวยไม่แพ้ที่อื่นอีกด้วย หรือจะเดินมายัง “เยาวราช” ย่านธุรกิจการค้าและย่านอาหารที่สำคัญอยู่เช่นเดิม แต่มีสีสันเพิ่มขึ้นตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ซึ่งนอกจากจะมีสถานที่และกิจกรรมน่าสนใจให้เลือกทำมากมาย อย่างเช่น การไหว้พระ ไหว้เทพเจ้าขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคล ที่ “วัดมังกรกมลาวาส” หรือ “วัดเล่งเน่ยยี่” หรือการเดินเลือกซื้อวัตถุดิบ เครื่องเทศ ยาจีนแล้ว ที่นี่ก็ยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ ชิคๆ ให้สายชิลได้เดินชมตลอดเส้น
ถัดมาที่ “สะพานพุทธ” นั่งเรือด่วนมาลงที่ท่าเรือนี้แล้วต่อเรือข้ามฟากเพื่อไปยัง “วัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร” เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ ภายในพระวิหารหลวงมี “หลวงพ่อโต” หรือ “พระพุทธไตรรัตนนายก” หรือที่คนจีนนิยมเรียกว่า “ซำปอกง” นั่นเอง และยังมีอีกหนึ่งที่เที่ยวที่น่าสนใจ “ชุมชนกุฎีจีน” เป็นชุมชนเก่าแก่ของชาวไทยเชื้อสายโปรตุเกส ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี ภายในชุมชนยังคงสถาปัตยกรรมดั้งเดิมไว้ได้อย่างงดงาม ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์ซางตาครูส บ้านเก่า อาหารและขนมดั้งเดิมที่นับวันจะหาทานได้ยากขึ้น อาทิขนมฝรั่งกฎีจีน ขนมจีนแกงไก่คั่ว เป็นต้น
ถ้าจะมาเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ในฝั่งพระนคร ให้มาที่ “ท่าเตียน” (ปัจจุบันปิดปรับปรุง เรือเข้าจอดที่ท่าวัดอรุณฯ แทน) เป็นย่านชุมชนที่อยู่ติดกับ “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร” หรือที่เรียกกันว่า “วัดโพธิ์” วัดเก่าแก่ชื่อดัง ภายในมี "พระไสยาส" หรือ พระนอน พระพุทธรูปขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของไทย มีความยาวกว่า 150 ฟุต ใกล้ๆ กันมี “มิวเซียมสยาม” พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ ที่บอกเล่าเรื่องราวผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่
ส่วน “ท่าช้าง” ย่านชุมชนการค้าเก่าแก่ริมน้ำเจ้าพระยา ถือเป็นอีกย่านสำคัญที่หน้าเป็นตาของกรุงเทพมหานคร ด้วยสีสันของย่านค้าขาย จุดเชื่อมต่อการเดินทางทางน้ำ และเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมตึกแถวย้อนยุค ที่ดูสวยคลาสสิก ชวนปักหมุดเป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวเช็คอินถ่ายรูปที่ไม่ควรพลาดในกทม. และเมื่อมาเยือนท่าช้างแล้วอย่าลืมแวะเข้าไปกราบสักการะ “พระแก้วมรกต” หรือ "พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร" พระพุทธลักษณะเป็นศิลปแบบล้านนาตอนปลาย ประทับนั่งปางสมาธิ ประดิษฐานภายในพระอุโบสถ “วัดพระศรีรัตนศาสดาราม” (วัดพระแก้ว)
และไม่พลาดมาต่อที่ “พรานนก” (วังหลัง) ใกล้กับบริเวณท่าเรือเราสามารถเดินไปยัง “วัดระฆังโฆษิตารามวรมหาวิหาร” หรือเรียกสั้นๆ ว่า “วัดระฆัง” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา หากอยากมากราบหลวงพ่อโตที่วัดระฆัง ต้องไปที่ “พระวิหารสมเด็จ” ซึ่งเป็นพระวิหารที่ประดิษฐานรูปหล่อสมเด็จพระราชาคณะของวัด นี้ไว้ 3 องค์ ด้วยกัน คือ ซึ่งก็คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ซึ่งประดิษฐานตรงกลาง สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ม.จ.ทัด เสนีวงศ์) ประดิษฐานทางซ้ายมือ และสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ม.ร.ว.เจริญ อิศรางกูร) ประดิษฐานอยู่ทางขวามือ ซึ่งทั้งสามท่านนี้เป็นพระภิกษุที่มีคนเคารพนับถืออย่างมาก มีคนเข้ามาสักการะท่านทั้งสามไม่ขาดสาย โดยมีเครื่องสักการะเป็นดอกไม้ มาลัยและหมากพลูต่างๆ
มาปิดท้ายที่ “พระอาทิตย์” อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของกรุงเทพฯ ซึ่งย่านถนนพระอาทิตย์เป็นย่านที่น่าเที่ยวทั้งกลางวันและกลางคืน ใครชอบบรรยากาศชิลๆ แนะนำให้เข้าไปเดินเล่นที่ “สวนสันติชัยปราการ” สวนสาธารณะซึ่งอยู่บริเวณโดยรอบป้อมพระสุเมรุ หรือใครเป็นสายกิน ย่านนี้ก็มีร้านอาหารที่หลากหลายให้ชวนไปลิ้มรสกัน ส่วนใครชอบบรรยากาศแสงสียามค่ำคืนให้ชวนเพื่อนฝูงไปที่ “ถนนข้าวสาร” แหล่ะขึ้นชื่อเรื่องสถานบันเทิงที่มีชีวิตชีวา และเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline
