ช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ ถือเป็นฤดูกาลแห่งการออกไปท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ด้วยต้นไม้ที่ได้ความชุ่มฉ่ำจากน้ำฝน (แม้บางจุดจะมีน้ำมากไปสักหน่อย) ทำให้เมื่อมองดูทิวทัศน์รอบๆ ตัวแล้วจะสัมผัสได้ถึงความเขียวขจีสบายตา
ใครที่อยากออกไปสูดอากาศสดชื่นให้เต็มปอด ไปลุยดูธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ แต่ก็ไม่อยากขับรถไปไกลจากเมืองหลวงมากนัก ที่ “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” ก็นับว่าเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่ตอบโจทย์คนรักธรรมชาติ
“อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย มีพื้นที่ ครอบคลุม 4 จังหวัด ประกอบด้วย สระบุรี นครราชสีมา ปราจีนบุรี และนครนายก เป็นพื้นที่ผืนใหญ่ตั้งอยู่ในเทือกเขาพนมดงรัก ในส่วนหนึ่งของดงพญาเย็นหรือดงพญาไฟในอดีต ประกอบด้วยขุนเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อนหลายลูก เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารที่สำคัญหลายสาย เช่น แม่น้ำนครนายก และแม่น้ำมูล มีความหลากหลายทางชีวภาพ และเป็นบ้านหลังใหญ่ของสิ่งมีชีวิตที่สำคัญ หายาก และใกล้สูญพันธุ์หลายชนิด รวมถึงนกมากกว่า 280 ชนิด จึงทำให้เป็นที่นิยมของนักดูนกจากทั่วโลก
นอกจากจะเป็นแหล่งธรรมชาติที่สำคัญของไทย ยังมีความสำคัญในระดับภูมิภาคอาเซียนและระดับโลก คือ อุทยานมรดกแห่งอาเซียน (ASEAN Heritage Park) และ มรดกโลกทางธรรมชาติ (World Heritage Site)
สำหรับการได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติจากยูเนสโกนั้น อยู่ภายใต้ชื่อ “พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่” ประกอบด้วยพื้นที่คุ้มครอง (Protected Area) หรือ พื้นที่อนุรักษ์ ธรรมชาติจํานวน 5 แห่ง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติปางสีดา อุทยานแห่งชาติทับลาน อุทยานแห่งชาติตาพระยา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกในปี พ.ศ.2548
ผู้ที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ สามารถเดินทางขึ้นเขาได้ 2 ทาง คือ ขึ้นเขาทางฝั่งปากช่อง ผ่านศูนย์บริการนักท่องเที่ยวศาลเจ้าพ่อ (ด่านปากช่อง) อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และขึ้นเขาทางฝั่งปราจีนบุรี ผ่านศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเนินหอม (ด่านเนินหอม) อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ซึ่งทั้งสองเส้นทางสามารถเดินทางได้สะดวกสบาย มีเส้นทางเชื่อมถึงกัน
สำหรับคนที่ขึ้นเขาใหญ่ทางฝั่งปากช่อง บริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมจะเป็นที่ตั้งของ “ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่” ซึ่งนัก ท่องเที่ยวนิยมแวะสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลกันก่อนเข้าไปท่องเที่ยว ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงปลัดจ่าง ผู้ปราบโจรบนเขาใหญ่ได้สำเร็จเมื่อกว่า 70 ปีก่อน และเป็นที่เคารพรักของชาวบ้านในบริเวณนั้น
จากศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ตรงขึ้นเขามาตามเส้นทาง ก็จะมีจุดชมวิวสวยๆ ให้แวะพัก นั่นคือ “จุดชมทิวทัศน์ กม.30” เป็นจุดชมวิวทางด้านทิศเหนือของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ สามารถชมทะเลหมอกในยามเช้าท่ามกลางแนวภูเขาสลับซับซ้อน ส่วนยามเย็นอาจจะเห็นฝูงค้างคาวบินออกหากินจากถ้ำบนเขาลูกช้าง และหากไปยืนชมวิวภูเขา จะเห็นแนวหิวเขาที่ไกลสุดสายตาคือ เขาแผงม้า
ใครที่ยังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่จุดไหนในอุทยานฯ แนะนำให้มาที่ “ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” ที่นี่จะมีข้อมูลการเดินทางท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ติดต่อห้องพัก กางเต็นท์ บริการส่องสัตว์ และเป็นแหล่งเรียนรู้ รวมถึงมีสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งห้องน้ำ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ สามารถใช้บริเวณนี้เป็นจุดเริ่มต้นการท่องเที่ยวภายในอุทยานฯ ได้เลย
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวภายในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีทั้งจุดชมวิวต่างๆ น้ำตก อ่างเก็บน้ำ หอดูสัตว์ รวมถึงลานกางเต็นท์
จุดชมวิวในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นอกจากที่จุดชมทิวทัศน์ กม.30 แล้ว ก็ยังมีบริเวณด้านบนของเขาเขียว โดยก่อนจะขึ้นเขาเขียวก็จะผ่าน “ศาลเจ้าพ่อเขาเขียว” ให้ได้แวะสักการะกัน ขึ้นไปด้านบนมี “ผาเดียวดาย” เป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงาม ลักษณะเป็นลานหินยื่นออกมาจากหน้าผา ขนาดพื้นที่ประมาณ 15 เมตร ตั้งอยู่บนความสูงราว 900 เมตรจากระดับน้ำทะเล มองออกไปจะเห็นวิวเทือกเขาเป็นแนวยาว ล้อมรอบด้วยป่าและพื้นที่ราบในพื้นที่ปราจีนบุรี และที่นี่เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม (ในช่วงฤดูฝน เส้นทางเดินไปชมผาเดียวดายอาจเกิดดินและหินสไลด์หลายจุด พื้นทางเดินลื่น ในทุกปีจึงมีการปิดการท่องเที่ยวชั่วคราวในช่วงฤดูฝน)
เลยจากผาเดียวดายไปอีกนิด ก็จะเป็น “ผาตรอมใจ” หรือจุดชมทิวทัศน์เขาเขียว เป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดในภาคกลาง บนความสูง 1,290 เมตรจากระดับน้ำทะเล สามารถมองเห็นทิวทัศน์บริเวณที่ตั้งที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อาคารที่พักต่างๆ และวิวของ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี
ชมวิวเสร็จแล้วมาชุ่มชื่นกันต่อที่น้ำตกสวยๆ เริ่มจาก “น้ำตกเหวนรก” เป็นน้ำตกขนาดใหญ่และสูงที่สุดของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีความสูงกว่า 150 เมตร ประกอบด้วยความลดหลั่นของน้ำตก 3 ชั้น ชั้นบนสุดมีความลาดชันถึง 90 องศา ส่งผลให้น้ำตกลงมาแรง อันตรายต่อการลงเล่นน้ำ
“น้ำตกเหวสุวัต” เป็นน้ำตกที่ค่อนข้างใหญ่ มีความสูงประมาณ 25 เมตร เป็นน้ำตกหินภูเขาไฟที่มีลักษณะพิเศษที่เรียกว่าหินกรวดภูเขาไฟ น้ำจะไหลตกลงมาเป็นม่านน้ำขนาดใหญ่ สวยงาม มีจุดชมน้ำตกในระยะไกลที่สามารถมองผ่านแมกไม้ เห็นภาพของน้ำตกทั้งหมดในมุมสูงได้สวยงาม หรือหากต้องการสัมผัสกับสายน้ำตกและแอ่งน้ำด้านล่าง ก็มีทางเดินลัดเลาะลงไปได้ ด้านหลังน้ำตกเป็นโพรงถ้ำ ในช่วงหน้าแล้ง น้ำน้อยจะมองเห็นโพรงหลังน้ำตก นักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าไปชมม่านน้ำตกจากมุมมองด้านในโพรงได้ แต่ในช่วงฤดูฝน น้ำจะไหลแรงนักท่องเที่ยวควรระมัดระวังอันตราย
“น้ำตกผากล้วยไม้” เป็นน้ำตกขนาดกลาง มีต้นน้ำมาจากห้วยลำตะคอง ไหลผ่านหน้าผาลดหลั่นกันลงมา สูงประมาณ 10 เมตร ด้านล่างเป็นแอ่งน้ำกว้างมาก ตามหน้าผาและคบไม้บริเวณน้ำตกพบกล้วยไม้นานาชนิดขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกล้วยไม้หวายแดงอันเป็นที่มาของชื่อน้ำตกแห่งนี้ ซึ่งจะบานเต็มหน้าผาในช่วงฤดูแล้ง
และยังมี “อ่างเก็บน้ำสายศร” เป็นแหล่งน้ำที่สำคัญอยู่ใจกลางพื้นที่ เดิมเรียกว่า อ่างเก็บน้ำมอสิงโต ตามลักษณะภูเขาด้านหลัง แต่ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "อ่างเก็บน้ำสายศร" เพื่อเป็นเกียรติแก่ นายบุญเรื่อง สายศร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่คนแรก ผู้ดำเนินการสร้างอ่างเก็บน้ำ เพื่อเป็นแหล่งน้ำสำหรับใช้อุปโภคบริโภคภายในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และเพื่อเป็นแหล่งน้ำให้สัตว์ป่าได้หากิน
บริเวณรอบอ่างเก็บน้ำมีทัศนียภาพที่สวยงาม เหมาะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ ชมดวงอาทิตย์ขึ้นยามเช้า เฝ้าดูสัตว์ป่าค่อยๆ ออกหากิน ส่วนช่วงเย็น รอชมดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่สวยงามปราศจากแสงรบกวนจากตัวเมือง
ส่วนพื้นที่ในการชมสัตว์ป่านั้น ทางอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้จัดทำ “หอดูสัตว์” เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ใช้เฝ้าดูสัตว์ที่ลงมากินดินโป่ง 3 แห่งคือ หอดูสัตว์หนองผักชี หอดูสัตว์มอสิงโต และ หอดูสัตว์คลองปลากั้ง โดยหอดูสัตว์เหล่านี้จะสร้างอยู่ใกล้ๆ โป่ง เนื่องจากสัตว์ป่าจะลงมากินดินโป่ง ส่วนมากจะเป็นกวาง กระทิง และช้างป่า
และยังมีพื้นที่สำหรับพักค้างคืนภายในอุทยาน ทั้งแบบบ้านพักและลานกางเต็นท์ อย่างที่บริเวณ “ลานกางเต็นท์ลำตะคอง” จะมีบริเวณให้นักท่องเที่ยวได้กางเต็นท์ มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ สถานที่ทิ้งขยะ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น (ลานกางเต็นท์ลำตะคองจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพักได้ราวๆ ต้นเดือนพฤศจิกายน 2564)
“อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” ในวันนี้ ผ่านการพักฟื้นในช่วงที่ไม่มีนักท่องเที่ยว (เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาด) จึงทำให้มีความสมบูรณ์ในทุกๆ ด้าน และพร้อมกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ภายใต้มาตรการการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติทุกแห่งนั้น ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ และคำแนะนำจากทางอุทยาน เช่น “ไม่ทิ้งขยะในเขตป่า” เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่ามากินขยะจำพวกพลาสติกหรือโฟมที่ไม่ย่อยสลาย “ไม่ให้อาหารสัตว์ป่า” เพราะจะทำให้สัตว์ป่าบางชนิดเปลี่ยนแปลงวิถีการหากิน และส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อระบบนิเวศห่วงโซ่อาหารของสัตว์ป่า ซึ่งยังคงมีนักท่องเที่ยวบางคนที่ยังแอบให้อาหารสัตว์ป่าอยู่ ทางอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่จึงมีการแจ้งความและดำเนินการปรับตามที่ระบุไว้ในกฎหมาย เพื่อเป็นอุทาหรณ์ไม่ให้นักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ ทำตาม
นอกจากนี้ ยังต้องขับรถด้วยความระมัดระวัง “ไม่ขับรถเร็วเกินกำหนด” ป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดกับนักท่องเที่ยวด้วยกันเองและชนสัตว์ป่าที่ออกมาเดินบนถนน “ไม่ส่งเสียงดัง” รบกวนนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ และรบกวนสัตว์ป่า “ไม่นำสัตว์เลี้ยงเข้าไปภายในอุทยาน” รวมไปถึง ถ่ายภาพหรือทำกิจกรรมต่างๆ อย่างระมัดระวัง เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้ อาทิ การพลัดตกเขา ข้ามถนนอย่างระมัดระวัง อย่าลงไปถ่ายรูปกลางถนนโดยเฉพาะช่วงถนนโค้งลาดชัน เพราะเสี่ยงจะเกิดอันตรายสูงมาก
* * * * * * * * * * * * * *
“อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” เปิดให้เข้าชมทุกวัน โดยด่านตรวจจะเปิดทำการเวลา 06.00-18.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว โทร. 08-6092-6529Facebook : อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ - Khao Yai National Park
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline